12 บทเรียนที่ได้มาจากอายุครบ 60 ปี

ทุกวันมีคนนับล้านๆ ทั่วโลกพยายามสร้างอนาคตที่ดีกว่า แต่เมื่อถึงวัยหนึ่ง เราจะเข้าใจว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไม่ใช่เงินหรือความสำเร็จ แต่เป็นบทเรียนและประสบการณ์ที่เราสะสมมาตลอดชีวิต

Tony Schwartz ซีอีโอของ The Energy Project และผู้เขียนหนังสือ “The Way We’re Working Isn’t Working” ได้แบ่งปัน 12 บทเรียนล้ำค่าที่เขาสั่งสมมาตลอด 60 ปีของชีวิต เขาเชื่อว่าวันเกิดคือโอกาสพิเศษที่เราจะได้ทบทวนตัวเองและย้อนมองสิ่งที่เราได้เรียนรู้ตลอดหกทศวรรษ เริ่มกันที่

1. ยิ่งเรารู้จักตัวเองมากขึ้นเท่าไร เรายิ่งมีพลังที่จะประพฤติตนให้ดีขึ้นเท่านั้น

ความอ่อนน้อมถ่อมตนมีคุณค่ามากกว่าที่คิด เพราะเราแต่ละคนมีความสามารถในการหลอกตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การหลอกตัวเองเป็นกลไกที่เราใช้ปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด ความไม่แน่นอนและความรับผิดชอบที่ไม่อยากแบกรับ เรามักแลกความจริงด้วยคนอื่นและตัวเราเอง

แต่การตระหนักรู้ในตนเองในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั้น ไม่ใช่การเข้าข้างตัวเอง แต่เป็นการปลดปล่อยตัวเราจากพฤติกรรมตอบสนองตามนิสัยที่ไม่ดี ทำให้เรามีอิสระในการเลือกการกระทำที่ดีกว่า

2. สังเกตสิ่งที่เราแต่ละคน มีแนวโน้มที่จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ผิดพลาด

ในชีวิตเราต้องใช้เวลาในแต่ละวัน เพื่อสังเกตสิ่งที่ทำสำเร็จได้อย่างถูกต้องและรู้สึกขอบคุณในสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ คนส่วนใหญ่มักหมกมุ่นกับสิ่งที่ผิดพลาดในชีวิต แทนที่จะเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี สิ่งนี้ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะรู้สึกพึงพอใจในชีวิต เมื่อเราฝึกเปลี่ยนความคิด มองเห็นความสำเร็จเล็กๆ ในแต่ละวัน เราจะพบว่าความสุขเพิ่มขึ้นและความวิตกกังวลลดลง ชีวิตจะมีความหมายมากขึ้น

3. ให้ทิ้งความแน่นอน เพราะใดๆ ล้วนคือความไม่แน่นอน

มนุษย์เรามักจะรู้สึกปลอดภัยกับความแน่นอน แต่ความท้าทายสูงสุดคือการยอมรับตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ แม้ในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ เราต้องกล้าเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิต ไม่หลบหนี แต่ยอมรับมันเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต พร้อมที่จะเรียนรู้และเติบโตจากประสบการณ์ต่างๆ แม้จะยากลำบากก็ตาม

4. อย่าพยายามหาคุณค่าของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าของคนอื่น เมื่อเรารู้สึกด้อยค่า เราอาจหาทางชดเชยด้วยการลดคุณค่าของคนอื่น

สัญชาตญาณตอบสนองของเรานั้นมักจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง รวมถึงการตัดสินคนอื่นแทนที่จะยอมรับว่าเราเองก็มีข้อบกพร่อง เมื่อเราเรียนรู้ที่จะมองคุณค่าในตัวผู้อื่น เราจะพบว่าคุณค่าของเราเองก็เพิ่มขึ้นด้วย เป็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกัน ไม่ใช่การแข่งขัน

5. ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนเช้า แล้วคุณจะพบกับความ Productive ยิ่งกว่า

เพราะเราส่วนใหญ่มีพลังงานสูงในตอนเช้า และมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด การจัดตั้งกรอบเวลาทำงานที่มีคุณค่าสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยไม่มีสิ่งรบกวน เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองตั้งเวลาทำงานไม่เกิน 90 นาที จะทำให้สามารถทำงานจำนวนมากให้เสร็จได้ภายในเวลาอันสั้น หลังจากนั้นให้พักสักครู่แล้วค่อยเริ่มรอบใหม่

6. เป็นไปได้ที่จะเก่งในสิ่งใดก็ตาม แต่ไม่มีสิ่งใดที่มีค่าที่ได้มาง่ายๆ

ความลำบาก บางครั้งก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต การจะเก่งขึ้นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด แต่ขึ้นอยู่กับความเต็มใจที่จะฝึกฝนกิจกรรมนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแสวงหาคำติชมเป็นประจำ ยิ่งแม้จะยากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญทุกคนล้วนผ่านเส้นทางที่ยากลำบาก แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ พวกเขาฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ

7. ยิ่งคุณตั้งใจทำให้พฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตของคุณเป็นอัตโนมัติมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งทำสิ่งต่างๆ สำเร็จมากขึ้นเท่านั้น

หากคุณต้องคิดที่จะทำบางสิ่งบางอย่างทุกครั้งที่ทำสิ่งนั้น คุณก็อาจจะทำสิ่งนั้นได้ไม่นาน เคล็ดลับคือทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จมากขึ้นโดยใช้พลังงานน้อยลงและควบคุมตัวเองอย่างมีสติ การสร้างนิสัยที่ดีคือกุญแจสำคัญ เมื่อพฤติกรรมกลายเป็นนิสัย มันจะกลายเป็นอัตโนมัติและใช้พลังงานในการตัดสินใจน้อยลง ทำให้เรามีพลังงานเหลือไว้ใช้กับการตัดสินใจสำคัญๆ อื่นๆ

8. ให้ทำอะไรช้าลง เพราะความเร็วเป็นศัตรู ของทุกสิ่งในชีวิตที่มีความสำคัญ

ความเร็วเป็นสิ่งที่เสพติดและบั่นทอนคุณภาพชีวิต ความเห็นอกเห็นใจ ความลึกซึ้ง ความคิดสร้างสรรค์ ความซาบซึ้งใจ และความสัมพันธ์ที่แท้จริง ล้วนต้องการเวลา ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ แต่คุณภาพของชีวิตมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราชะลอความเร็วลง มองเห็นความงามรอบตัว และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างมีความหมาย การช้าลงให้ความสำคัญกับคุณภาพของประสบการณ์มากกว่าปริมาณ ทำให้เราสามารถรับรู้และซาบซึ้งกับสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น

9. เมื่อรู้สึกว่าเพียงพอแล้วอะไรก็ตามที่มากเกินไป ก็อาจกลายเป็นพิษได้ในที่สุด

มนุษย์เรามักหลงอยู่ในวงจรของการต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงิน ความสำเร็จ หรือทรัพย์สิน แต่ความสุขที่แท้จริงกลับมาจากการรู้จักพอในสิ่งที่มี ความพอดีคือกุญแจสำคัญของความสุข ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ฝึกมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่แล้ว แทนที่จะมุ่งหาสิ่งที่ยังไม่มี

10. ทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้องและอย่าคาดหวังสิ่งตอบแทนใดๆ

คุณค่าในตัวคุณคือสิ่งเดียวที่คุณมีอยู่และไม่มีใครสามารถพรากจากคุณได้ การทำสิ่งที่ถูกต้องอาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการในขณะนั้นเสมอไป แต่จะทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นในระยะยาว เมื่อไม่แน่ใจ ให้ตั้งสติและพูดความจริงอย่างใจเย็น ใช้ความซื่อสัตย์และความกล้าหาญทางศีลธรรมเป็นเข็มทิศนำทางการใช้ชีวิต

11. ให้คืน มากกว่า ที่คุณใช้ไป เพราะเราใช้ทรัพยากรของโลกไปทุกวัน

ชีวิตนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเราเท่านั้น แต่เพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้นสำหรับทุกคน เราต้องคิดถึงผลกระทบของการกระทำของเราที่มีต่อโลก ต่อชุมชน และต่อคนรุ่นหลัง ลดการบริโภคที่ไม่จำเป็น เพิ่มการแบ่งปัน และหาโอกาสทำประโยชน์ให้โลกใบนี้ ทำให้คนรุ่นหลังได้รับสิ่งที่ดีกว่าที่เราได้รับ

12. เพลิดเพลินกับทุกช่วงเวลา แม้กระทั่งช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เพราะทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีหรือเลวร้าย ทุกอย่างล้วนผ่านไปและกลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต ความยากลำบากมักสอนบทเรียนที่มีค่า ความสุขมักมาพร้อมกับความตระหนักรู้ในคุณค่าของสิ่งที่เรามี

อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือความกังวลขโมยความสุขในปัจจุบันไป เพราะชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าจะไม่เพลิดเพลินกับทุกช่วงเวลา ข้อคิดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า อายุคือตัวเลขที่มาพร้อมกับปัญญา ประสบการณ์และมุมมองที่ลึกซึ้ง ที่คุณเองก็เอาไปปรับใช้ได้โดยไม่ต้องรอให้อายุครบ 60 ปี

อ้างอิง https://bit.ly/4iSol7d