เด็กจบใหม่ทุกวันนี้หนีมาทำอาชีพฟรีแลนซ์กันเยอะมากเลยนะครับ ด้วยความที่พวกเค้าถูกบ่มเพาะมาให้รักความอิสระ และชื่นชอบในการลงแรงที่ได้ผลตอบแทนแบบคุ้มค่า มากกว่าความมั่นคงของงานประจำที่ต่อให้ทำมากเท่าไหร่ ก็ยังคงได้เงินเท่าเดิม และเพราะการทำอาชีพฟรีแลนซ์นั้นในสายตาของคนนอกมันช่างเป็นอาชีพที่สุดแสนจะสบาย ทำงานที่ไหนก็ได้ ตื่นกี่โมงก็ได้ อยากทำตอนไหนก็ทำ จะเล่นอะไรก็ไม่มีใครว่า ไม่ต้องรถติด ไม่ต้องโดนเจ้านายด่า สารพัดเหตุผลที่คนจะหยิบยกมาถึงความวิเศษของมัน แต่จะมีใครบ้างล่ะครับที่รู้ว่าในความเป็นจริงแล้ว อาชีพฟรีแลนซ์ก็มีข้อเสียใหญ่หลวงที่อาชีพอื่นไม่มีเหมือนกัน
ไม่ทำงาน ก็อดได้เงิน
ในความสบายของฟรีแลนซ์นั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่ เพราะถึงแม้จะบอกว่าอยากทำงานตอนไหนก็ทำได้ แต่ถ้าเราขี้เกียจมากเกินไป วัน ๆ นึงไม่ทำงานทำการ แบบนี้ก็อดได้เงินเหมือนกันนะ หรือวันไหนเจ็บไข้ได้ป่วย ทำงานได้น้อย เงินที่ได้รับก็จะน้อยตาม ต่างจากทำงานบริษัทที่ต่อให้ลาป่วยยังไงก็ได้เงินเดือนเต็มอยู่ดี
ต้องมีขาประจำมากกว่า 1 ราย
อย่างที่รู้กันดีว่าฟรีแลนซ์นั้นไม่มีความแน่นอนเอาซะเลย บางวันอาจงานเยอะจนทำไม่ทัน ในขณะที่บางวันอาจว่างจนไม่มีตังค์กินข้าว ตรงนี้แหละฟรีแลนซ์ทุกคนถึงต้องกระเสือกกระสนหาลูกค้าขาประจำเอาไว้เยอะ ๆ และรับงานเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เผื่อวันไหนไม่มีงานเข้ามา จะได้เฉลี่ย ๆ รายได้กันไปนั่นเอง
มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
ปกติทำงานออฟฟิศเราก็รับบรีฟแค่จากหัวหน้าคนเดียว แต่ฟรีแลนซ์นั้นแน่นอนว่าไม่ได้มีหัวหน้าของตัวเอง เราต้องเป็นคนรับบรีฟทุกอย่างโดยตรงหมด ลูกค้า 10 คน ก็ 10 บรีฟ ความปวดหัวจะมาเยือนก็ตอนนี้แหละครับ เพราะลูกค้าแต่ละเจ้าความต้องการก็ไม่เหมือนกัน ยิ่งถ้าเจอใครที่บรีฟไม่รู้เรื่องด้วยนะ เตรียมยาพาราไว้ได้เลย รับรองคุยกันยาว
เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการหาลูกค้า
ก็อย่างที่บอกว่ามีงานอะไรฟรีแลนซ์ก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน ทำให้เมื่อไหร่ที่สบโอกาส เราก็ต้องหาลูกค้าเผื่อไว้ทำงานในวันต่อ ๆ ไปทันที วันไหนว่างปุ๊บถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศก็คงมีความสุขดี ชีวิตดี แต่ฟรีแลนซ์ถ้าว่างเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงรายได้ที่หายไปเมื่อนั้น เป็นคุณจะเครียดมั้ยล่ะ
ทำงานที่บ้านไม่ได้สบายอะไรนักหรอก
เพราะการนั่งทำงานที่บ้านวัน ๆ นึงไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้คุยกับใคร ไม่ได้พบเจอผู้คน ทำให้โรคออฟฟิศซินโดรมถามหา จิตใจหม่นหมอง จมปลักอยู่กับตัวเอง สุขภาพร่างกายไม่ดี เพราะไม่ค่อยได้ขยับตัวไปไหน แถมทำงานที่บ้านบางทีถ้าคนอยู่เยอะก็ไม่มีสมาธินะครับ ทำให้ต้องออกมาทำงานตามห้าง ตาม Co-Working Space อีก ลำบากไปใหญ่
ถ้าย้อนเวลาได้ก็คงไม่ออกจากงานหรอก
นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหัวฟรีแลนซ์ไม่วันใดก็วันหนึ่ง อาจเป็นในวันที่ไม่มีงาน วันที่งานเยอะจนทำไม่ทัน วันที่ลูกค้าด่า หรือวันที่ปวดหัวกับบรีฟจนไม่เป็นอันทำอะไร ซึ่งมันจะมาพร้อมกับความคิดที่ว่า ถ้าป่านนี้ยังทำงานอยู่ ตอนนี้ก็คงเงินเดือนหลายบาท เลื่อนตำแหน่งไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ แต่สุดท้ายเมื่อตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องทำกันต่อไป เพราะข้อดีของอาชีพฟรีแลนซ์ก็คือความอิสระที่ไม่มีอาชีพไหนให้ได้นั่นเอง
ทุกอาชีพก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมันเองนะครับ อยู่ที่ว่าเราจะมองมันในมุมไหน และหาความสุขจากมันยังไงมากกว่ากันเท่านั้น ขอให้มีความสุขกับการทำงานกันทุกคนครับ