ย้อนไป 14 ปีก่อน ผมก้าวเข้าสู่โลกของฟรีแลนซ์ ในตลาดที่แข่งขันกันสูง แบบทุกคนจะรู้กันดีว่า “ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ไม่ทำก็ไม่ได้”
ในช่วงแรก ๆ ก็เหมือนคนอื่น พยายามสร้างผลงานให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้งานชิ้นต่อไปได้ยาว ๆ นอกจากการทำงานแล้ว ทุก ๆ วัน ผมพยายามเรียนรู้ทักษะใหม่ อะไรใหม่ ๆ ฝึกฝนและพยายามหาโอกาสรับงานที่ท้าทายกว่าเดิมเสมอ
จนเริ่มมานั่งคิดถึงอนาคต ว่าเราจะไปยังไงต่อ หนึ่งในแผนนั้นคือการตั้งบริษัท แต่ในตอนนี้ เราเป็นอาชีพอิสระ ก็ได้มองเห็นว่า มันมีความเสี่ยงหลายอย่างอยู่ สิ่งที่ได้พบคือ…
“อาชีพอิสระหยุดไม่ได้”
จากสถิติบอกเลยว่าในปี 2566 มีผู้ประกอบอาชีพอิสระ 20.46 ล้านคน และเพิ่มขึ้นคิดเป็น สัดส่วน 52.19% ของคนทำงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 47.81% (ที่มา : สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน) โดยเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 40 (ประกอบอาชีพอิสระ ทำงานไม่มีนายจ้าง) จำนวน 10.98 ล้านคน
พูดง่ายๆ ว่า “มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นทุกวัน ในทุกวงการของอาชีพอิสระ” และในยุคที่เครื่องมือพร้อม มีทั้ง AI มาช่วย
คนจำนวนมากจึงเลือกงานแบบอิสระกันมากขึ้น และจากที่ตอนนี้ ได้เปิดบริษัทมาแล้ว ได้พบว่า อาชีพอิสระจะแบ่งเป็น 3 ช่วง “เริ่มต้น เติบโต แล้วก็ขยาย”
ถ้าพูดเจาะอาชีพอิสระในเมืองไทยมีหลายอาชีพที่เริ่มต้นได้ดี แต่ตอนเติบโตและขยาย ไม่มีการวางแผนกันความเสี่ยงซักเท่าไหร่ ถ้าสรุปแบบรวม ๆ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ และอยากบอกคนที่ทำอาชีพอิสระในยุคนี้คือ…
1.รายได้สูงไม่ได้มาจากความเก่งอย่างเดียว คนที่มีรายได้สูงส่วนใหญ่มักเป็นคนเก่ง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เก่งจะมีรายได้สูง บางครั้งนิสัยส่วนตัว เช่น อีโก้สูง หรือการขาดทักษะทางสังคม อาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้า การจะประสบความสำเร็จในการทำเงิน คุณต้องมีทักษะรอบด้าน ทั้งการเข้าหาคน การบริหารจัดการ และการวางกลยุทธ์
2.สร้างกรอบการทำงานของตัวเอง เมื่อคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณต้องสร้างระบบและกรอบการทำงานของตัวเอง แม้จะมีอิสระมากขึ้น แต่ก็ต้องมีวินัยและความรับผิดชอบมากขึ้นเช่นกัน
3.ผลงานสำคัญกว่าความเก่ง คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจว่าคุณเก่งแค่ไหน แต่สนใจว่าคุณทำอะไรได้บ้าง และสกิลของคุณจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร การพูดว่า “ฉันทำได้” น้ำหนักน้อยกว่าการพูดว่า “ฉันเคยทำสิ่งนี้มาแล้ว” ดังนั้น จงแปลงความเก่งของคุณให้เป็นผลงานที่จับต้องได้
4.ตำแหน่งอาจเป็นกับดัก อย่ายึดติดกับชื่อตำแหน่ง แต่ให้มองที่ผลตอบแทนและสิ่งที่คุณได้รับจากงานนั้นๆ ตำแหน่งเดียวกันในบริษัทต่างกัน อาจให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันมาก คิดแบบเจ้าของธุรกิจ มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์มากกว่าสถานะ
5.มองผลตอบแทนให้รอบด้าน การทำงานไม่ได้ให้แค่เงินเดือน แต่ยังรวมถึงความรู้และเครือข่ายที่คุณได้รับ ซึ่งล้วนเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสำหรับอนาคตของคุณ
6.คุณต้องรู้จักควบคุมความเสี่ยงที่นอกเหนือจากเงิน หลายคนมักเข้าใจว่า ทำงานไปก่อน ยังมีแรง เดี๋ยวก็ได้พักยาว แต่เอาจริง ๆ ผมได้เจอคนตำแหน่งสูงๆ หลายคน มองข้ามความเสี่ยงที่สำคัญมากตัวนึงเลย นั่นคือ “ร่างกาย” มันเหมือนเป็นปัญหาคลาสสิค แล้วทำให้มีโอกาส ป่วยแบบเรื้อรังระยะยาว เรื่องนี้เลยต้องบาลานซ์ให้ดี เพราะจังหวะตอนไต่ระดับทางการงาน เนี่ยละ จังหวะสำคัญ ไม่เกี่ยวกับแก่หรือหนุ่ม เกี่ยวกับว่าโหมร่างกายหนักแค่ไหน มันเลยจำเป็นที่ว่า “เราควรหาสวัสดิการ” ให้ตัวเองด้วย
จากประสบการณ์ที่ได้เจอมา พอเริ่มจะจัดการความเสี่ยง ได้ไปเจอโฆษณาแคมเปญ “อาชีพอิสระไม่ควรต้องเสี่ยง” มีคีย์ที่ฟังแล้วรู้สึกโดนใจมาก เขาบอกว่า
100% ทำทุกสิ่ง
100 % เป็นทุกอย่าง
100% แบกรับทุกงาน
อาชีพอิสระไม่ควรต้องเสี่ยง
Being self-employed shouldn’t be a risk
ประโยคเหล่านี้ทำให้ย้อนนึกถึงช่วงแรก ตอนเป็นฟรีแลนซ์ที่กำลังเติบโตไปได้ดี ทำงานหนักมาก ทำให้มีบางช่วงต้องนั่งทำงานเกือบสว่าง จนวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาและพบว่า แค่ฟรีแลนซ์คงไม่พอแล้ว เพราะบางวันรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งบนลู่ที่ไม่มีวันจบ และตัวเองต้องทำเองตลอด
ซึ่งตรงกับคำถามในโฆษณาว่า ทำไมอนาคตถึงกลายเป็นความเสี่ยงของเรา? นี่คือคำถามที่ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำเสนอในแคมเปญปี 2023 แคมเปญนี้เป็นแคมเปญต่อเนื่องจาก “ผู้หญิงไม่ควรต้องเสี่ยง” จนมาถึงแคมเปญนี้ ที่ให้ความสำคัญกับอาชีพอิสระ เพื่อกระตุ้นให้เราคิด เพราะโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ ๆ ที่คาดเดาได้ยาก ทำให้อนาคตดูไม่แน่นอน
แต่แทนที่จะกังวล ทำไมเราไม่มองความไม่แน่นอนเป็นโอกาสในการเตรียมพร้อม ในแคมเปญนี้เน้นย้ำความสำคัญของ ‘การปกป้อง’ ว่าเป็นกุญแจที่ช่วยให้ลดความเสี่ยงได้ เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมรับมือ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ไม่ได้สัญญาว่าจะขจัดความไม่แน่นอนทั้งหมด แต่ชวนให้เราเผชิญหน้ากับมันอย่างมั่นใจ ด้วยการวางแผนและเตรียมพร้อม
คนทำงาน อาชีพอิสระไม่ควรต้องเสี่ยง
สิ่งที่ต้องมีเลยคือ “การให้สวัสดิการตัวเอง” ตั้งแต่ช่วงแรกๆ
คือถ้าทำงานบริษัท ก็จะมีประกันสังคมหรือประกันเพิ่มจากบริษัทนั้น ๆ ให้ แต่ตอนเราเป็น ฟรีแลนซ์งานอิสระ เราไม่มี ต้องหาเอง จุดนี้ตอนแรกไม่ได้คิด จนมีบางช่วงที่ป่วย แล้วงานมันสะดุด คือถ้าเราทำ เราได้ ถ้าเราไม่ทำ งานก็หยุด
ยิ่งเติบโต เวลาของคนยิ่งแพง เลยไม่ควรเอาทั้งเงินและเวลา ไปหมดกับค่ารักษา ถ้าใครอยากเช็คสุขภาพ สำหรับตอนนี้มีของฟรีมาฝาก ใครทำงานหนัก ให้ไปลองเช็คบูธสุขภาพ มี 4 บูธหลายจังหวัดที่จะจัดขึ้น
บูธตรวจสุขภาพ ฟรี 4 จังหวัดทั่วไทย
ซึ่งจัดไปแล้ว คือ
● กรุงเทพฯ ที่ตลาดกรุงธนบุรี 2 ในวันที่ 8 สิงหาคม 2567
● จังหวัดสงขลา ที่ถนนคนเดินสงขลาแต่แรก วันที่ 10 สิงหาคม 2567
● จังหวัดเชียงใหม่ ที่กาดมีโชค วันที่ 13 สิงหาคม 2567
● จังหวัดขอนแก่น ที่ตลาดต้นตาล วันที่ 15 สิงหาคม 2567
สำหรับคนที่ทำอาชีพอิสระ แล้วต้องการวางแผนและเตรียมพร้อมกับความเสี่ยง
ทาง กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้ออกแผน “ประกันคุ้มเว่อร์” ที่จะมาช่วยตอบโจทย์ โดยแบ่งได้เป็น 4 แผน คือ
- ชดเชยคุ้มเวอร์. ขาดงานไม่ขาดรายได้ยังยิ้มได้ยามเจ็บป่วย
ชดเชยรายวันวันละ 1,000 บาท - โรคร้ายแรงคุ้มเว่อร์ ต่อสู้โรคร้ายแรงเคลมได้หลายครั้ง
ตัวอย่าง เจอโรคร้ายแรง รับเงินก้อนสูงสุด 5,000,000 บาท - ครอบคลุมคุ้มเวอร์ ทั้งโรคร้ายแรงและชีวิตดูแลให้ครบจบในเล่มเดียว
ตัวอย่าง
เสียชีวิตรับเงินก้อน 600,000
เจอโรคร้ายแรงรับเงินก่อน 450,000
นอนโรงพยาบาลรับชดเชยรายวันวันละ 500
เจอโรคร้ายแรงไม่ต้องจ่ายเบี้ยต่อ - เกษียณคุ้มเว่อร์ แก่แล้วสบายมีเงินใช้ทุกปี
ตัวอย่าง
อายุ 60-70 ปี นับเงินบำนาญปีละ 15,000
รวมรับเงินบำนาญสูงสุด 565,000 บาท
เสียชีวิตรับเงินก้อน 180,000 บาท
ตัวเลขทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น หากสนใจดูรายละเอียดแบบครบถ้วนได้ที่ 1159
หรือ คลิก https://ktaxa.live/GBC_Online_Publishers_100m
.
.
หมายเหตุ ผลประโยชน์ ความคุ้มครองและข้อยกเว้น เป็นไปตามที่กำหนดในกรมธรรม์ ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง