58 เทคนิค “ขายของออนไลน์” ที่ได้มาจากในงาน THAILAND e-Commerce Week 2017

เทคนิคคอนเทนต์สุดสตรองที่ช่วยใช้ปิดการขายได้เร็วขึ้น

  • รู้ว่าเขียนให้ใครอ่าน อย่าเขียนแบบหว่านไปทั่ว ยิงตรงหากลุ่มเป้าหมาย เพราะคนไทยไม่ค่อยอ่าน 2 บรรทัดแรกคือตัวตัดสิน
  • คนจะดูรูปเป็นอันดับแรก และต่อมาคือมาดู “คำพาดหัว”
  • คำพาดหัว อย่าเรียกร้องความสนใจจนเว่อร์เกิน นั้นจะทำให้ภาพลักษณ์สินค้าและร้านคุณลดความน่าเชื่อถือลงไป
  • แหล่งที่มาคือส่วนสำคัญ คอนเท็นต์ในโพสต์ facebook อาจจะไปใช้ไม่ได้กับในเว็บ ต้องดูให้ดีๆก่อนจะลง ไม่ใช่ทำทีเดียวแล้วลงได้หมด
  • เขียนคำโปรโมทลงไปในรูปด้วยก็ได้ ควรเลือกใส่แค่ประเด็นเดียวพอ ว่าจะสื่ออะไร
  • เวลาเขียนเนื้อหาควรเล่นกับอารมณ์ สังเกตุได้จากคำพาดหัวข่าวต่างๆ
  • ดึงประเด็นให้เก่ง เอาเรื่องที่กำลังเป็นกระแสมาผสมกับสินค้าตัวเองได้ด้วยจะดึงความน่าสนใจได้มาก (แบรนด์ใหญ่ๆก็ใช้วิธีนี้บ่อย)
  • ถามก่อนเขียนว่า “อ่านทำไม ได้อะไร” นั้นคือการสร้างคุณค่าในแบบที่ลูกค้าคิด ไม่ใช่ “สินค้านี้ดียังไง ซื้อยังไง” นี้คือการยัดเยียดซึ่งจะทำให้โดนปิดทิ้ง
  • รูปสำคัญระดับต้นๆ ตัวอักษรคืออันดับสอง
  • ของแพงไม่แพงดูได้จากรูปที่ใช้ จงทำให้รูปดูแพงๆเสมอ เพราะไม่ว่าสินค้าคุณจะถูกหรือแพงก็ยังขายได้ง่ายขึ้น
  • เขียนในแบบที่ “ตัวเองชอบ” ต่างกันกับเขียนในรูปแบบที่ “ลูกค้าชอบ” จงศึกษางานเขียนก่อนซักหน่อยว่าลูกค้าชอบแบบไหน

หากคุณอยากทำอีคอมเมิร์ซแบบโกอินเทอร์

  • เฟสบุ๊คเป็นตัวกระจายสินค้าสู่ประเทศอื่นได้ ง่ายมากๆ ใช้เงินไม่กี่ร้อยก็ส่งไปหากลุ่มคนพวกนั้นได้
  • ลูกค้าที่ลาว เวียดนาม เวลาจะซื้อของผม ผมใช้วิธีอัดเสียง คือเค้าจะอัดเสียงมาให้ผมก่อน และผมก็เอามาแปล อัดเสียงกลับไปให้
  • ทำข้ามประเทศต้องใจเย็น ใจเย็นจะปิดออเดอร์ได้เยอะกว่ามาก
  • ส่งออกต่างประเทศ ต้องคิดรอตั้งแต่ตอนตั้งชื่อ เพราะเมื่อเริ่มติดตลาด จะโดนก็อปแน่นอน สำคัญมาก ต้องคิดรอไว้เลย
  • วีดีโอคอนเท็นต์ พยายามใช้การเปรียบเทียบให้เห็นภาพ แทนตัวอักษรมากๆ แล้วจะไปได้ไกลมาก เพราะไม่ว่าชาติไหนใครๆดูก็รู้ ไม่จำเป็นว่าต้องอ่านออกหรือไม่ 
  • เก็บข้อมูลลูกค้า ใช้กิจกรรมส่งตัวทดลองไปให้ก่อน ให้คนโชว์ว่าอยู่ประเทศไหน เขตไหน แล้วจะส่งตัวทดลองไปให้ พอเราได้ข้อมูลตรงนี้เราก็จะพอรู้ได้ว่าจะยิง โฆษณาไปหาตัวแทนเขตไหนบ้าง
  • เทคนิควิธีขยายสาขา อย่าทำแบบเดิมๆ ยิงโฆษณาไปกับว่าที่คนจะเป็นตัวแทนเรา ยิงให้ผ่านตาเขาก่อนซัก 7 วัน สร้างความต้องการก่อน ก่อนส่งเซลล์เข้าไปคุย
  • Brand เป็นส่วนที่สำคัญมากเมื่อแบรนด์ดิ้ง แข็งแรงเมื่อไร คอนเนคชั่นจะมาเอง
  • ก่อนจะไปตปท. ตีตลาดไทยให้ได้ก่อนก็ได้ เก็บเป็นผลงาน พอไปลุยต่างประเทศ ผลงานในประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องให้ตัวแทนเข้าร่วมได้ขึ้น
  • ภาพใหญ่ของ สินค้า ทุกตัว ไม่ได้มีแต่ข้อดี เราต้องกล้าที่จะบอกว่าข้อเสียหรือข้อด้อยคืออะไร ในการเจรจากับตัวแทนในแต่ละครั้ง เพราะเค้าเป็นคนรับหน้าลูกค้า ต้องแสดงความจริงใจตรงนี้ด้วย
  •  ธุรกรรมการเงิน บัตรเครดิต การจ่ายผ่าน app ไร้เงินสด เป็นสิ่งที่ต้องมี ในต่างประเทศตรงนี้โตมากกว่าคนไทยเยอะ
  • ศึกษากลยุทธ์ การคุ้มครองผู้บริโภคในแต่ละประเทศให้ดีๆ นั้นจะช่วยเป็นจุดเด่นที่ดีมาก ในการเปิดตลาด ตปท.
  • ชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกนั้นเป็นปัจจัยที่ควรทำ การเก็บเงินปลายทาง มานั่งโอนเงินรับเงินปัญหาเยอะมาก จ่ายเงินผ่าน อิเล็กทรอนิกนั้นลดปัญหาได้เยอะกว่ามาก
  • ขายของผ่าน อะเมซอน ธ. กรุงเทพมีบริการผูกบัญชีให้แบบเสร็จสรรพ
  • บัตรเดบิตของ ธ.กรุงเทพ สามารถใช้จ่ายค่ายิงโฆษณา facebook ได้

อยากประสบความสำเร็จบน E-Marketplace ขายของผ่าน lazada , shoppee , 11street ฯลฯ

  • E-Marketplace ช่วยทำเรื่องเครื่องมือทั้งหลังบ้านและหน้าบ้าน ให้ง่ายยิ่งขึ้น และฟรีไม่ต้องมานั่งทำเอง
  • ขายของบน E-Marketplace เหมือนเราเอาของไปวางไว้ที่ห้าง สร้างความน่าเชื่อถือและเรายังสามารถทำเว็บของเราเองได้ เพิ่มช่องทางจำหน่ายอีกทาง
  • E-Marketplace ช่วงแย่งพื้นที่บนหน้าแรกของ Google ได้ทำให้ร้านของเราลูกค้าเห็นเยอะกว่าคู่แข่ง
  • ข้อมูลสินค้าที่ลงใน E-Marketplace ควรเขียนเยอะๆลงเยอะๆ ต่อให้คนไม่อ่าน แต่ช่วยทำให้มันดูน่าเชื่อถือขึ้น ดูมีหลักการ
  • สินค้าที่เห็นว่าขายขาดทุน เป็นตัวล่อชั้นดี ที่ทำให้ลูกค้าสนใจก่อน และค่อยเสนอขายสินค้าอื่นๆเข้าไปด้วย ทำให้เรามีกำไรได้
  • กรณีตัวอย่าง จากด้านบน คือมีสินค้ารุ่นนึงสต็อกเหลือเยอะมาก ต้นทุน 400 บาท พอเห็นว่าเหลือเลย ลดราคาขายไปเหลือ 200 บาท ผลปรากฏว่า นอกจากของจะขายได้หมด มันช่วยทำให้สินค้าตัวอื่นๆขายได้หมดเหมือนกัน
  • ทุกคนไม่ได้ต้องการของเหมือนกันหมด E-Marketplace เหมือนชั้นว่างที่ต้องมีสินค้าให้หลายหลาก ถูก กลาง และแพง
  • E-Marketplace เจ้าใหญ่เหมือนเจ้าของตลาดนัดคือ จะช่วยทำตลาด ต้อนผู้คนเข้ามารอแล้ว เราควรต้องมีกลยุกต์ในการทำให้ร้านเด็นและน่าสนใจกว่าคนอื่น
  • แจก แถม และ ขายถูก คือลูกเล่นพิเศษที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการขายบน E-Marketplace ได้
  • การตัดราคาสินค้า เป็นเรื่องปกติ ในการขายบน E-Marketplace
  • บางเจ้าขายถูกเกินไปใน E-Marketplace แต่หลังบ้านลูกค้า ด่าตรึม มีเยอะมาก เราก็ใช้จุดเด่นตรงนี้ได้
  • ลูกค้าชอบการพูดคุยที่ดี การสร้างลูกค้าประจำคือเรื่องที่จำเป็นมาก ไม่จำเป็นต้องราคาถูกเสมอไป
  • E-Marketplace เหมือนหน้าร้าน แต่มันถูกกกว่ามากในแง่ความยืดหยุ่น และทดลอง กลยุทธ์ต่างๆ เพราะใช้เงินน้อยกว่ามาก
  • E-Marketplace จะช่วยรายงานข้อมูลให้แบบละเอียดมาก เช่น lazada จะรายงานเลยว่า ลูกค้าเข้ามาดูสิน้คาอะไรของคุณบ้าง

เทคนิคขายของออนไลน์ บน LINE@

  • 1 LINE@ เพิ่มแอดมินได้มากถึง 100 คน ช่วยกันตอบลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องสับสน
  • LINE แบบธรรมดาจำกัดเพื่อนไว้ที่ 5,000 คน แต่ LINE@ ลูกค้าที่ Add Friend ร้าน ซึ่งเพิ่มได้มากถึง 300,000 คน
  •  เวลาไม่ว่างตอบ ปิดร้านอยู่ ก็สามารถตั้ง Auto-reply ได้แล้วค่อยมาตอบที่หลัง
  • เลือกส่งข้อความแบบ 1 ต่อ 1 เหมือนเวลาคุยกับเพื่อน หรือส่งแบบ Boardcast (ส่งทีเดียวหาหลายคน) ได้
  •  สร้างกิจกรรมส่งเสริมการขายได้ ส่ง E-Coupon ไปให้ลูกค้าได้ เพื่อมอบสิทธิพิเศษ / ส่วนลด ฯลฯ
  • LINE@ สามารถส่งภาพพร้อมลิ้งค์ ทำให้ส่งคนออกมาเยี่ยมเว็บไซต์สร้างยอดขายให้มากขึ้น สำหรับสินค้าใหม่ ซื้อซ้ำหรือจัดโปร ฯลฯ
  • อยากสำรวจความคิดเห็น ปรับปรุงความต้องการของ ลูกค้าสามารถสร้าง Poll ได้ง่ายๆ มี Templete ให้ใช้
  • ปัจจุบัน เป็นแอคเค้าที่ร้านค้า และองค์กรธุรกิจที่ต้องการช่องทางติดต่อกับลูกค้าออนไลน์นิยมกันมากที่สุด เพราะว่ามีฟังก์ชั่นเด็ดๆ คล้าย line official account แต่มีราคาถูกกว่ามากๆ

เทคนิคขายของออนไลน์ บน Facebook

  • ทุกวันนี้หลายธุรกิจรวยได้เพราะ facebook เพราะทำง่ายและฟรี
  • ทุกวงการสินค้า จะมีชื่อแนวคล้ายๆกัน ถ้าเป็นไปได้ควรตั้งตามแนวนั้น จะทำแบรนด์ได้ง่ายกว่า
  • ในชื่อเพจ ควรมีคีย์สินค้าที่ขายด้วย เช่น XXXX : รองเท้าบันเลต์มากกว่า 50 บาท ฯลฯ
  • สำหรับเพจขายของ ไม่จำเป็นต้องโพสต์ทุกวัน ก็ขายได้ เน้นไปที่คอนเท็นต์คุณภาพ ไม่ต้องเน้นปริมาณ
  • แต่รูปต้องสวยไว้ก่อน ขอยิ่งจับต้องไม่ได้ รูปมีส่วนส่วนได้มากในการปิดการขาย
  • การคุยกับลูกค้าควรคุยแบบเพื่อน เหมือนเพื่อนคุยกัน
  • ลูกค้าไม่ได้เลือกของที่ถูกที่สุด ถ้าติดคนขาย เป็นแฟนพันธ์แท้แล้ว ต่อให้ขายแพงกว่าหน่อย ก็ขายได้เพราะเชื่อใจ
  • การ LIVE สด เข้าถึงผู้คนได้เยอะที่สุด รองลงมาคือ โพสต์รูปแบบอัลบั๊ม
  • การโฆษณาตั้งงบเพียงหลักร้อย คนก็เห็นลักพัน และถ้าทำดี มีโอกาสให้คนเห็นเป็นหลักล้าน (ในงานที่คนมาพูด มีคนทำวีดีโอง่ายๆแต่ชูจุดเด่นสินค้าได้ดีมาก งบลงทุนแค่ 400 บาท ค่าลง ads ไป 2 แสนบาท ทำยอดขายได้ 3 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน)