แค่ใช้เสียงไม่กี่นาที ก็ทำเงินได้เป็นแสน รีวิวอาชีพนักพากย์เสียงฟรีแลนซ์

แค่ใช้เสียงไม่กี่นาที ก็ทำเงินได้เป็นแสน
รีวิวอาชีพนักพากย์เสียงฟรีแลนซ์
.
เวลามีค่า ต้องใช้ให้คุ้ม คำนี้คงจะมีความหมายมาก และหากมองถึงในแง่ของการเงิน สำหรับเวลาแค่ 15 วินาที คุณคิดว่ามันมีมูลค่าแค่ไหนกัน
.
สำหรับอาชีพนักพากย์เสียง เวลาเพียงแค่ชั่ววินาที ก็สามารถทำเงินได้ปริมาณไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวอย่างเคสของ อลิซ เอเวอร์ดีน (Alice Everdeen) หนึ่งในคนที่ลาออกจากงานประจำเพื่อมาปั้นเงินจากอาชีพนักพากย์เสียง เธอสร้างรายได้ในหนึ่งเดือนเป็นจำนวนเงินหลักแสนบาท ใครที่เสียงดี อาชีพนี้อาจเหมาะกับคุณก็ได้
.
อลิซ เอเวอร์ดีน เริ่มต้นทำอาชีพนักพากย์เต็มตัวเมื่อปี 2020 ถึงอย่างนั้น เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก เธอก็ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้เสียงมาตลอด เพราะเธอมักจะเลียนแบบเสียงของคนที่อยู่ในโฆษณาทีวีหรือในวิทยุ แต่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งนั้นที่เธอเคยทำเล่น จะกลายมาเป็นอาชีพให้กับตัวเองได้
.
เส้นทางการเป็นนักพากย์ของอลิซเริ่มหลังจากที่เธอเข้าทำงานให้กับบริษัทโปรดักชั่นแห่งหนึ่งในรัฐ Texas เธอทำหน้าที่เขียนสคริปต์โฆษณาทางโทรทัศน์และวิทยุ
.
วันหนึ่งอลิซกำลังนั่งดูบทโฆษณาให้ลูกค้าอยู่กับเพื่อนร่วมงาน และทันใดนั้น อยู่ ๆ เธอก็อ่านบทโฆษณาออกมาเสียงดังมาก และยังใส่อารมณ์ในการพูดเข้าไปเต็มที่อีกด้วย จนเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ด้วยกันหยุดหันมามอง และออกปากพูดพร้อมกันว่า “Wow, that’s really good!”
.
พอเริ่มทำงานประจำเป็นนักพากย์เสียง ก็ได้รู้ว่ามันสนุกมากกว่าที่คิด
.
อลิซคิดว่าการทำงานพากย์เสียงนี้ทำให้ตัวเองมีชีวิตชีวามาก และยังช่วยให้การแสดงออกของตัวเองในด้านต่าง ๆ ดีขึ้นด้วย
.
อลิซรู้สึกไม่มีความสุขกับการทำงานวันละ 9 ชั่วโมง เธออยากใช้ชีวิตเป็นสาวโสดให้มากกว่านี้ เลยตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะหย่า ลาออกจากงานประจำ เริ่มหาเงินจากการทำฟรีแลนซ์
.
อลิซจึงเริ่มสร้างโปรไฟล์ในเว็บ Fiverr และเริ่มลงเดโม่เสียงพากย์ของตัวเองไว้ เพื่อ Fiverr จะได้เป็นตัวแทนของเธอให้บริษัทต่าง ๆ ได้เห็นผลงานและมาจ้างในที่สุด และในปัจจุบันงานของเธอกว่า 90% มาจากลูกค้าที่จองคิวของเธอผ่านเว็บ Fiverr ทั้งนั้น
.
ปัจจุบันอลิซเคยได้พากย์เสียงให้กับบริษัทชื่อดังต่าง ๆ มากมาย ทั้ง Valvoline, Community Coffee, Verizon, Accenture, รวมไปถึง Amazon ด้วย
.
ก่อนที่จะรับงานต้องมีการถามรายละเอียดกับลูกค้าเสมอ
.
ส่วนมากคำถามที่อลิซถามลูกค้าก่อนจะรับงานคือ “สคริปต์ยาวแค่ไหน” “น้ำเสียงที่ผู้ชมอยากจะฟังเป็นประมาณไหน” และ “มีเวลาจำกัดในการพากย์เสียงหรือไม่”
.
โดยปกติอลิซจะรับงานพากย์ตั้งแต่ 15 วินาที ไปจนถึง 3 นาที แต่ในกรณีที่เป็น Audio-learning ก็สามารถรับงานพากย์ที่ความยาว 20 นาทีได้
.
อลิซจะใช้เวลา 10% ในการท่องสคริปต์, 30% ในการอัดเสียง, และใช้เวลา 60% ของที่มีในการปรับแต่งแก้ไขเสียงให้ตัวเองและลูกค้าพึงพอใจ
.
ใช้เงินไปกว่า $1,000 ในการซื้ออุปกรณ์บันทึกเสียง เพื่อให้เสียงออกมาคุณภาพมากที่สุด
.
อลิซใช้ไมโครโฟนบันทึกเสียง รุ่น Rode NT USB mic ที่มีราคากว่า $170 (ประมาณ 5,300 บาท) และใช้แล็บท็อปของ HP หน้าตาแปลกประหลาดตัวหนึ่งที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว เธอคิดว่าควรที่จะซื้อตัวใหม่ที่แรงกว่านี้ แต่ตัวนี้ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
.
และอลิซยังได้ซื้อ Isovox ที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเพื่อป้องกันเสียงรบกวนภายนอกอีก ถึงจะดูคับแคบและน่าอึดอัดไปหน่อย แต่เสียงที่ได้มาถือว่าดีมากเลยทีเดียว และอุปกรณ์ที่เธอใช้ตัดต่อคือ Audacity ที่สามารถโหลดได้ฟรี ๆ
.
บางครั้งลูกค้าก็ขอให้ทำเสียงแปลก ๆ และน่าขนลุก
.
บางครั้งอลิซเจอลูกค้า (ส่วนมากจะเป็นผู้ชาย) มาขอให้เขาอัดเสียงแปลก ๆ เช่น ให้อัดเสียงเร้าอารมณ์ทางเพศ, เสียงเรอ รวมไปถึงเสียงถูกจั๊กจี้ของตัวเธอเองด้วย
.
มากกว่านั้นอลิซยังเคยถูกลูกค้าขอให้อัดเสียงจำลองงานแต่งงาน โดยให้พูดถึงความรู้สึกของการได้แต่งงาน แต่ตัวเธอเองนั้นกลับเกลียดการแต่งงานยิ่งกว่าอะไรดี อลิซเลยตอบกลับคำขอเหล่านั้นด้วยการบอกว่า “ฉันไม่สนใจอะไรพวกนั้นหรอก แต่ขอให้โชคดีแล้วกันนะ”
.
ถ้าคุณอยากเริ่มที่จะเข้าสู่สายงานนี้ อย่าลืมฝึกการแสดงของตัวเองด้วย
.
อลิซทิ้งท้ายว่า ต่อให้คุณจะมีเสียงที่ไพเราะน่าฟังขนาดไหน แต่ทักษะด้านการแสดงก็สำคัญมากไม่แพ้กัน เพราะคุณต้องจำลองบทบาทการเป็นนักแสดง เพื่อที่จะถ่ายทอดบทบาทนั้นออกมาทางเสียงด้วย คุณต้องทำให้ผู้ชมและผู้ฟังสัมผัสความรู้สึกผ่านเสียงให้ได้
.
จากการทำฟรีแลนซ์พากย์เสียงนี้ อลิซเธอสามารถทำรายได้มากถึง $10,000 ต่อเดือน (ประมาณ 310,000 บาท) เลยทีเดียว โดยเริ่มทำงานตอนเที่ยงจนถึงห้าโมงเย็น พูดง่าย ๆ คือทำงานแค่ 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น!
.
คนที่อยากจะเข้าสู่วงการพากย์เสียง นอกจากมีใจรักในการใช้เสียงแล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์ จุดขาย/ความแตกต่างจากคนอื่น รวมทั้งต้องมีทักษะและรู้จักความสามารมารถในการใช้เสียงของตัวเองอีกด้วย
.
หากคิดว่าตัวเองเสียงดี หรืออยาก้าวเข้ามาสู่วงการเสียง อาชีพนักพากษ์ ก็ดูจะเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างไรก็ตามบ้านเราอาชีพที่เน้นใช้เสียง ก็คงเป็นนักร้อง นักจัดพอตแคสต์ ที่กำลังนิยม ก็เป็นพื้นที่ให้ฝึกฝนและต่อยอดได้
.
สุดท้ายนี้ไม่ว่อาชีพไหน หากทำมันด้วยใจรัก และอยู่ถูกที่ แม้จะมีเวลาทำงานเยอะแค่ไหน ก็คงรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ลงแรงไป…จริงไหม?
.
เรียบเรียงโดย 100WEALTH
.
.
#BusinessTipTricks
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน
#SERVgroup
.
.
อ้างอิง
https://bit.ly/3vSXv6U