ย้อนกลับไปในการก่อสร้างในอดีต ของกลุ่มคนชนชั้นสูงระดับเชื้อพระวงค์หรือขุนนางในสมัยก่อนนิยม ต้องการที่อยู่อาศัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจ และภาพลักษณ์อันทรงคุณค่า จึงให้นักออกแบบและวิศวกรก่อสร้าง(ในสมัยนั้น ) ไปแสวงหา “วัสดุที่สวยงามและทรงคุณค่ามากที่สุด” มาก่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อแสดงถึงสถานะที่สูงส่งให้สมฐานะ นักออกแบบและวิศวกรส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ “หินอ่อน” ในการก่อสร้าง เพราะด้วยลวดลาย หลากหลายแบบตามชนิดของหิน ที่สามารถแสดงความองอาจและฐานะได้เป็นอย่างดี และในเรื่องโครงสร้างความคงทนสูง สถาปัตยกรรมต่างๆในอดีตจึงประกอบด้วยหินหลากหลายชนิด แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดที่ถูกยกให้เป็น สุดยอดความงดงามทางธรรมชาติ และหายากมาก ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการแปรรูป และขนย้ายหินชนิดนี้เพื่อนำไปก่อสร้างจึงไม่ใช่ใครก็ได้ ที่ได้ครอบครอง หนึ่งในความงดงามระดับโลกโดยฝีมือธรรมชาติหินที่ว่านั้นคือ หินอ่อน “Palissandro Bluette” หนึ่งในหินตามธรรมชาติที่ถูกยกย่องว่าเป็นหินที่มีความงามที่สุดในโลก หายากพบได้แค่ที่เดียวในโลก และเป็นที่ยอมรับในวงการการออกแบบจากสถาปนิกระดับโลก นิยมในเฉพาะกลุ่มชั้นสูงเท่านั้น ตั้งแต่อดีตจนมาถึงยุคปัจจุบัน เพื่อแสดงความโอ่อ่า ทางฐานะ และทรงคุณค่า วิจิตรตระการตา ถึงแม้ในยุคนี้มีเทคโนโลยี “หินสังเคราะห์” ก็ยังไม่สามารถทำเลียนแบบได้เพราะความพิเศษของหินชนิดที่ว่านี้ เมื่อโดนแสงมากระทบ พื้นที่ผิวของหินจะมีการ สะท้อนแสงออกมาเป็นประกายระยิบระยับ คงความเป็น “ซิกเนเจอร์” ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
Palissandro Bluette
หินชนิดนี้มาใช้ในงานสถาปัตยกรรมหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญระดับประเทศ เช่น พระราชวัง Caserta Campania, ห้องสมุดในราชสำนักพระราชวัง Reggia di Caserta ประเทศอิตาลี เป็นต้น ส่วนในเมืองไทยนั้นก็ได้มีการนำหินชนิดนี้มาตกแต่งเช่นกันอย่างที่บ้านหลวงสาทรราชายุตก์ อาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมของกรมศิลปากรหรือปัจจุบันถูกนำมารีโนเวทให้เป็น เดอะ เฮ้าส์ ออน สาทร ร้านอาหารและบาร์ภายในโรงแรมดับเบิลยู ถนนสาทรนั้นเอง
“หินอ่อนพาลิสซานโดร (Palissandro Marble)” ความพิเศษของมันอยู่ที่ลวดลายสวยงาม แปลกตา เหมือนลายไม้ Rosewood เป็นหินอ่อนที่สวยงามและหายาก พบได้เพียงแค่ที่เดียวในโลก ใครที่อยากเห็นต้องเดินทางไปที่เหมืองหินทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีเท่านั้น
รวมไปถึงสีสันของเส้นสายแร่ที่มีถึง 5 เฉดสี (โดยปกติหินอ่อนทั่วไปจะมีแค่ 2 สี) ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ได้แก่ สีขาว (Palissandro Classico), สีน้ำตาล (Palissandro Oniciato), สีฟ้าอมเทา (Palissandro Nuvolato Bluette), สีฟ้า (Palissandro Blue) และสีสุดท้ายที่นับว่าเป็นสีที่สวยที่สุดและหายากที่สุดของหินอ่อนตระกูลพาลิสซานโดร นั้นคือ สีเทาฟ้าประกายทอง (Palissandro Bluette)
Palissandro Classico , Palissandro Oniciato , Palissandro Nuvolato Bluette, Palissandro Blue
เพราะนอกจากจะมีโทนสีเทาฟ้าแล้ว ยังมีเส้นสายแร่สีน้ำตาลประกายทองที่พาดผ่านคล้ายลายไม้ ประหนึ่งมี glitterในเนื้อหิน ซึ่งเวลาโดนแสงไฟส่องแผ่นหินนี้จะสะท้อนแสงออกมาเป็นประกายระยิบระยับ งดงามน่าประทับใจไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เรียกได้ว่าสวยทุกมิติและทุกมุมมองจริงๆ
Palisandro Bluette
มาในยุคปัจจุบันงานตกแต่งภายในด้วยหินอ่อนยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานพื้น ผนัง และเคาท์เตอร์ ที่นอกจากจะเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้ดูมีชีวิตชีวาและเพิ่มมูลค่าให้สถานที่นั้นๆ แล้ว หินอ่อนยังช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เย็นสบายและรู้สึกผ่อนคลาย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราจึงเห็นอาคารหรือบ้านของคนที่มีฐานะมักเลือกใช้หินอ่อนในการตกแต่งเป็นส่วนใหญ่ แต่หากเป็นการตกแต่งด้วยหินอ่อนพาลิสซานโดรบลูเต้ เราจะเห็นได้แค่ตามสถานที่หรูหราระดับไฮเอนด์เท่านั้นโดยเฉพาะโรงแรมชั้นนำของโลกระดับหกดาว เพื่อสร้างอารมณ์ให้กับผู้มาเยือนรู้สึกพิเศษ สัมผัสได้ถึงความโอ่อ่า หรูหรา มีระดับและสร้างความประทับใจให้แบบไม่รู้ลืม
TRUMP HOLLYWOOD HOTEL (MIAMI; USA)
เดอะ เฮ้าส์ ออน สาทร
ความสวยงามของหินอ่อนพาลิสซานโดร บลูเต้ที่หายากและมีอยู่ที่เดียวในโลกนั้น กำลังจะถูกนำมาใช้ตกแต่งอีกครั้งในประเทศไทย ที่ VITTORIO คอนโดมิเนียมสุดหรู โปรเจค Super Luxury Brand ใหม่ล่าสุด ของเอพี ด้วยวิสัยทัศน์ที่คิดต่างสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยให้พรีเมี่ยมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้น จึงได้พิถีพิถันในทุกรายละเอียดอย่างละเมียดละไม อย่างการเลือกใช้วัสดุตกแต่งก็ต้องเลือกแบบดีที่สุด นอกจากจะตอบสนองไลฟ์สไตล์ ยังช่วยส่งเสริมคุณค่าทางด้านจิตใจต่อผู้อยู่อาศัยด้วย
ผู้บริหารจากเอพี จึงบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปอิตาลี “เพื่อเลือกหินอ่อนพาลิสซานโดรบลูเต้ด้วยตนเองถึงเหมือง” เพื่อให้ได้หินที่มีลวดลายที่สวยงามมากที่สุด
กว่าจะมาเป็นหินอ่อนพาลิสซานโดรบลูเต้ ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมายตั้งแต่
- การแยกบล็อคหินขนาดใหญ่ออกจากเหมืองหินโดยเลือกก้อนที่มีความสวยระดับเกรดเอ ที่มีความครบของสีเส้นสายแร่แล้วค่อยนำบล็อคหินมาตัดเป็นแผ่น Slab ขนาดใหญ่
- ผ่านกระบวนการขัดผิว และทำผิวหินให้เรียบเนียน สู่การตัดหินให้เป็นขนาดที่ต้องการ
- งานพิเศษอื่นๆเช่น เจียรบัวขอบหิน การเจาะรู เป็นต้นจนถึงขั้นตอนที่ยากที่สุดนั้นคือการนำหินมาใช้ในงานปูพื้นและผนังซึ่งต้องผ่านกระบวนการ Digital Marble Dry Laid หรือการต่อลวดลายของเส้นสายแร่
- ขั้นตอนสุดท้ายการ Bookmatch หรือการต่อลวดลายของหินอ่อน
เพื่อให้ได้ลวดลายของสายแร่ที่เรียงตัวเป็นคลื่นน้ำและ การบรรจบของสีเนื้อหินในแบบที่งดงามที่สุด โดยต้องนำหินอ่อนทั้งหมดที่ถูกเลือกและผ่านกระบวนการต่างๆมาแล้วข้างต้น มาคัดสรรอีกครั้งอย่างปราณีตเพื่อ ให้ได้แผ่นหินที่สวยและสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งมีเพียงแค่ 30 % เท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ได้จริงๆนับเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความละเอียด พิถีพิถันและลงทุนสูงมากทีเดียว
ผลงานระดับมาซเตอร์พีชนี้ จะเห็นได้ตั้งแต่บริเวณ Concierge จนถึงส่วน Lobby ต่อเนื่องถึงโถงลิฟท์ที่ถูกโอบล้อมด้วยแผ่นหินอ่อนพาลิสซานโดร บลูเต้ ที่ผ่านกระบวนการอันซับซ้อนสู่ความงดงามที่เลิศหรูตั้งแต่พื้นจรดเพดาน สร้างความสวยงามวิจิตรตระการตา ดูหรูหรา โอ่อ่า สมฐานะของผู้อยู่อาศัยโดยนับเป็นงานสถาปัตยกรรมเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว การเลือกวัสดุที่ดีที่สุด นอกจากจะตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้น ยังช่วยส่งเสริมคุณค่าทางด้านจิตใจต่อผู้อยู่อาศัย
คอนโดมิเนียม VITTORIO คืองานออกแบบที่แสดงถึงความล้ำค่าซึ่งนำมาสู่ที่สุดของชีวิตที่สมบูรณ์แบบเฉกเช่นชนชั้นสูง และเพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยมีเพียง 88 ยูนิตเท่านั้น
สามารถสัมผัสความงดงามและความอลังการแบบนี้ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความ Super Luxury ในVITTORIO คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิท ค้นหาความพรีเมี่ยมได้เพิ่มเติมที่