วอร์เรน บัฟเฟตต์ คนที่รวยติดอันดับโลกเขาก็ยังเคยหาเงินล้านได้ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี เพราะสิ่งที่เขามีคือ
…“ทักษะการขาย” (ที่เก่งมาก)…
นี่คือเวทีฝึกความ “ขายเก่ง” ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ทำให้เขามีเงินล้านได้ตั้งแต่เด็ก
ขายเก่งตั้งแต่เด็ก อาชีพแรกเป็น “เด็กส่งหนังสือพิมพ์”
วอร์เรน บัพเฟตต์ เริ่มต้นหาเงินด้วยอาชีพเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นอาชีพที่เด็กทำได้ ถึงรายได้จะเล็กน้อยมาก แต่เขาก็อาศัยความขยันเข้าช่วย แถมเขายังฉลาด โดยแนบขายปฏิทินให้กับลูกค้าหนังสือพิมพ์เสริมเข้าไปอีก ทำให้เขาสามารถหาเงินได้เยอะกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก
ขายเองเหนื่อยไป เลยขายแบบรับมาขายไป “ลูกกอล์ฟมือสอง”
วิธีการที่จะได้ลูกกอล์ฟมือสองมานั้น โดยปกติจะต้องลงไปงมในบ่อน้ำที่ลูกกอล์ฟตกลงไป แรกๆ วอร์เรน ก็เคยทำ แต่สักพักเขาเรียนรู้ว่ามันเหนื่อยมากและมีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่า เขาเลยใช้วิธีไปซื้อต่อจากคนเหล่านั้นมา ในราคาโหลละ 3.5$ แล้วไปขายต่อในราคา โหลละ 6$ ซึ่งก็ยังเป็นลูกกอล์ฟคุณภาพดีราคาถูกอยู่
ลองทำงานบริการ “รับจ้างขัดเงารถ”
งานรับจ้างขัดเงารถเขาก็ทำ มีอยู่ช่วงหนึ่ง วอร์เรนร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดกิจการรับจ้างขัดเงารถ แต่ถึงจะต้องปิดกิจการลงไปเพราะงานหนักเกินไป แต่เขาก็ได้เรียนรู้วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกับคนอื่น
ขยับเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้น “ทำธุรกิจขายพินบอล”
วอร์เรนมีไอเดียที่เจ๋งมาก ครั้งหนึ่งเขาได้เครื่องเล่นพินบอลเก่ามาในราคา 25$ ขนาดเป็นเครื่องเก่าแล้ว เขายังนำมาหาเงินได้ แค่ต้องใช้ไอเดียและเทคนิคในการเจรจรานิดหน่อย เริ่มต้นจากไปให้เพื่อน ชื่อ ดอน แดนลีย์ ซ่อมพินบอลให้ แต่แทนที่เขาจะต้องจ่ายค่าจ้างให้กับดอน เขาก็ชวนดอนมาเป็นหุ้นส่วนซะเลย
เพราะถ้ามีคนมาใช้บริการ ดอนก็จะได้เงินเยอะกว่าค่าซ่อม ต่อมาเมื่อซ่อมเสร็จพวกเขาก็ไปหาว่าจะวางที่ไหนดี ทั้งสองคนก็เลยไปหาช่างตัดผมเพื่อให้เอาเครื่องเล่นพินบอลไปตั้งให้ลูกค้าเล่นระหว่างรอตัดผม ปรากฏว่าสำเร็จ เครื่องแรกทำเงินได้ พวกเขาก็เลยทำธุรกิจแบบนี้ไปกับร้านตัดผมทุกร้านในวอชิงตันเลยทีเดียว
ตั๋วพนันม้าที่คนอื่นทิ้ง วอร์เรนยังทำเงินได้อีก
ถึงเขาจะเป็นเด็ก เล่นพนันไม่ได้ (ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่น) แต่วอร์เรนเก็บโอกาสที่คนอื่นทิ้ง คือปกติเวลาคนซื้อตั๋วพนันแข่งม้าเค้าจะลุ้นแค่รางวัลที่ 1 ถ้าไม่ได้ คนส่วนใหญ่จะทิ้งตั๋วไปเลย แต่วอร์เรน เห็นโอกาสว่าจริงๆแล้วมันยังมีรางวัลที่ 2 3 อยู่ เขาจึงไปตามเก็บตั๋วพนันที่คนอื่นทิ้ง และถ้าอันไหนที่ได้รางวัล ก็ให้ป้าเอาไปชึ้นเงินให้
จะเห็นว่า ทักษะการขาย ไม่ใช่แค่ยื่นสินค้าไปแล้วรับเงินมา แต่บางครั้งมันยังต้องอาศัยไอเดียในการขายด้วย
ทำให้มองเห็นภาพที่เหนือกว่าคนอื่น “ขยะ” ที่คนอื่นทิ้งก็ยังสามารถนำมาทำเงินได้
จึงไม่ต้องแปลกใจ ทำไม ” บัฟเฟตต์” ถึงเป็นมหาเศรษฐีได้จนถึงทุกวันนี้