ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ารอบตัวเรามักจะมีร้านค้าประเภทเดียวกันเปิดอยู่ติดกันบ้าง มี 2-3 ร้านในซอยเดียวกัน
แต่ก็พบว่าแต่ละร้านก็ยังขายได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ถ้ามองเผิน ๆ อาจดูเหมือนว่าการตั้งร้านใกล้กันจะทำให้แย่งลูกค้ากัน แต่ความจริงแล้วมันเสริมกันต่างหาก
การตั้งร้านอยู่รวมกันทำให้ลูกค้าเข้าหามากกว่า…เพราะรู้สึกว่ามาที่เดียวแล้วได้เลือกของเยอะขึ้น
เปรียบเทียบตลาดในบ้านเราก็มีอยู่หลายที่ เช่น ถ้านึกถึงเสื้อผ้าจะนึกถึงประตูน้ำ ถ้าอยากซื้อสินค้าไอทีจะนึกถึงพันทิป หรือถ้าอยากกินอาหารจีนจะนึกถึงเยาวราช ฯลฯ
เหตุผลเป็นเพราะธรรมชาติของคนชอบเลือกก่อนตัดสินใจ ถึงแม้จะเป็นแค่อาหารก็เถอะ แต่ถ้าได้เลือกก่อนซื้อจะทำให้รู้สึกดีกว่า
มันไม่ใช่แค่รู้สึกคุ้มค่า แต่มันทำให้ไม่เบื่อ เมื่อไม่เบื่อก็สามารถดึงคนอยู่ได้นาน ไม่ก็แวะเวียนมาได้บ่อย
มันเป็น “ทางแก้ปัญหาที่น่าพอใจของสังคม” คือทำให้ลูกค้าเดินมายังจุดเดียวแต่ได้บริการทุกอย่างที่ต้องการ
ลองเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็ได้ว่าทำไมคนถึงชอบไปเดินห้าง
เพราะในห้างมีทั้งร้านอาหาร มีทั้งธนาคาร มีทั้งร้านทอง ร้านตัดผม ฯลฯ คือรวมครบทุกอย่างที่ต้องการนั่นเอง
แล้วถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจล่ะ ควรตั้งร้านกระจายกันอยู่ หรือกระจุกตัวอยู่รวมกับคู่แข่งกันแน่?
การทำธุรกิจประเภทเดียวกันอยู่ใกล้กันก็ไม่ใช่เรื่องแย่
วิธีการคือ ถ้าเป็นร้านที่ขายของคล้ายกัน อย่างเช่น ขายเสื้อผ้า แต่ร้านหนึ่งเป็นเสื้อยืด ร้านหนึ่งเป็นกางเกงยีนส์ อย่างนี้ตั้งติดกันได้เลยจะทำให้เสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน
แต่ถ้าเป็นร้านแบบเดียวกันแป๊ะอย่างเช่นขายข้าวมันไก่เหมือนกัน หรือร้านตัดผมที่ราคาและบริการก็ไม่มีอะไรต่างกันเลย ห่างกันหน่อยอย่างน้อยก็บล๊อก สองบล๊อก จะได้รักษาดุลยภาพของพื้นที่
กลายเป็นย่านขายเสื้อผ้า ย่านขายของกิน กลายเป็นแหล่งชุมชนทำให้คนรู้สึกว่ามีความสะดวกผู้คนก็จะแวะเวียนไปใช้บริการไม่ขาดสาย
#ไปให้ถึง100ล้าน