ธุรกิจ X ธุรกิจ ใครๆก็ทำ

ทำธุรกิจทุกวันนี้ เดินเกมเพียงลำพังคนเดียว เป็นเรื่องยากมาก! โดยเฉพาะถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก

อย่างเช่น เวลามีไอเดียดีๆจะมาพัฒนาบางอย่าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมักจะถูกขัดขวางด้วยคำว่า …ทุนไม่พอ หรืออะไรหลายอย่างไม่พร้อม!

เวลาเจอโอกาสที่มาพร้อมกับอุปสรรคแบบนี้ มักทำให้คนทำธุรกิจอึดอัด แบบมีไฟอยากทำ…แต่ก็ทำไม่ได้

การ “Collaboration” หรือบางคนเรียก “ธุรกิจ X ธุรกิจ” กลายมาเป็นกลยุทธ์ที่กำลังได้รับความสนใจ

กลยุทธ์นี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ ทางการตลาดมีมานานแล้ว แต่ในปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหลายธุรกิจเริ่มทำกลยุทธ์นี้มาใช้กันมากขึ้น

เช่น ธุรกิจร้านกาแฟ ที่ปกติก็ไม่ได้มีลูกค้าเต็มร้านตลอด แต่มีพื้นที่นั่งเพียงพอจะรองรับลูกค้า 20-30 คนพร้อมกัน อาจจะจับคู่กับธุรกิจคอร์สสอนสด ให้คนที่เปิดคอร์สมาใช้สถานที่ในการสอน

เมื่อมา “X” กันกลายเป็นว่า ร้านกาแฟได้ลูกค้าใหม่ ธุรกิจคอร์สสอนสดก็มีพื้นที่รองรับลูกค้าที่ซึ่งมีทั้งเครื่องดื่ม ขนม ห้องเรียน และห้องน้ำไว้ให้บริการ

วิธีการ X กัน ทำได้หลายรูปแบบ
ไม่สำคัญว่าต้องเป็นธุรกิจใหญ่เท่านั้น
ไม่จะเป็นต้องทำธุรกิจประเภทเดียวกัน
จะต่างกันคนละขั้วก็มา “X” กันได้


ต่างยิ่งดี จะได้ช่วยเติมเต็มแล้วโตไปด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญที่คาดหวังคือ “เกิด Experience ใหม่ให้กับผู้บริโภค”

…ธุรกิจ X ธุรกิจ ได้ประโยชน์หลายอย่าง…

1. ได้เรียนรู้วิธีทำธุรกิจใหม่จากพันธมิตร หรือมุมมองความคิดที่น่าสนใจของแต่ละฝ่าย

2. อาจจะได้ไอเดียดีๆนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตนได้อีก

3. ไม่ต้องเหนื่อยเริ่มใหม่ทุกอย่างหมด เรามีดีอย่างหนึ่ง เขามีดีอย่างหนึ่ง เอามารวมกันแล้วเดินหน้าต่อได้เลย ไม่ต้องรอสร้างโน่น นี่ ก่อน ทำให้ธุรกิจไปเร็วได้อีกก้าว

4. นอกจากนี้ยังช่วยสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับทั้งสองแบรนด์ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ช่วยให้แบรนด์สามารถกระจายการรับรู้ เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าซึ่งกันและกัน

ธุรกิจ X ธุรกิจ หรือการ Collaboration กัน เหมาะสำหรับธุรกิจที่อยากมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทำงานด้วยกัน

อาจเริ่มต้นจากการการทำเป็นโปรเจกต์โดยกำหนดเวลาในช่วงใดช่วงหนึ่งก็ได้

ถ้าลองมาทำธุรกิจร่วมกันสักโปรเจกต์แล้วเห็นว่าไม่เวิร์ค ก็ค่อยถอนตัวจากกันได้ วิธีนี้ง่ายกว่าการ joint venture


#แนวคิดทำธุรกิจ
#ไปให้ถึง100ล้าน