คนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ตอนเริ่มก็ใช่ว่าจะมั่นใจไปซะหมด จริงๆ ต่างก็เคยผ่านช่วงที่ไม่รู้เหมือนกัน
“อุปสรรค” ใครๆก็เจอเหมือนกัน แต่จะมากหรือน้อยน่าจะอยู่ที่มุมมองมากกว่า ว่าเราทำให้ “ตัวอุปสรรค” มันมีอิทธิพลกับเรามากแค่ไหน
บางทีถ้าหาโมเดลแรงบันดาลใจจากคนที่มีเป้าหมายคล้ายกับเราน่าจะทำให้เราหายกลัวมากขึ้น โมเดลคนเหล่านี้ไม่ต้องหาที่ไหนไกล หาจากคนไทยนี่ก็ได้
อย่างเจ้าของธุรกิจ After You (คุณเมย์ กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ) ก่อนที่จะเปิดร้านขนมหวานก็เคยเจ๊งมาก่อนจากการทำตามความฝันของครอบครัว
พอหันมาเปิดร้านขนมหวาน (ทำตามฝันของตัวเองบ้าง) เริ่มต้นเปิดร้านก็ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ แต่ก็ทำออกมาจนได้
จริงมันดูยากเพราะในประเทศไทยตอนนั้นยังไม่เคยมีร้านขนมหวานแบบจริงจัง แต่คิดว่าถ้าทำอะไรที่คนอื่นทำกันอยู่แล้วก็เกิดยาก
After You มองเห็นความต่าง ขนมหวานแต่ก่อนมีแต่ที่เป็นชิ้นแห้ง ๆ เห็นโอกาสว่ายังมีขนมหวานที่ทานกับไอศกรีม ขนมหวานที่ทานตอนร้อนถึงจะอร่อย
หลังจากไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วได้ทานขนมที่เป็น Honey Toast กลับมาจึงคิดออกแบบและทำออกมาเป็นรูปแบบที่คนไทยชอบ แต่ตอนเริ่มทำก็ไม่ได้ง่าย กว่าจะหาสูตรที่ลงตัวได้ก็ใช้เวลากว่า 1 ปี
คีย์เวิร์ดที่นำพา After you สู่ความสำเร็จคือ
ไม่กลัวเจ๊ง เพราะเคยทำธุรกิจครอบครัวมาแล้วคือเปิดร้านขายอาหารทะเลตอนแรกเจ๊ง จึงได้เรียนรู้ความผิดพลาดก่อนมาทำขนมหวาน
ถึงไม่มั่นใจว่าจะคิดราคายังไงเพราะไม่มีตัวเปรียบเทียบ จึงใช้วิธีคิดราคาจากที่ตัวเองคิดว่าจ่ายไหวและยอมจ่าย แล้วลองดูฟีดแบคซึ่งก็พบว่าลูกค้าโอเคที่จะจ่าย
ไม่มีความรู้และไม่เคยผ่านการเรียนทำขนมหวานมาก่อน แต่เพราะความชอบล้วน ๆ และสิ่งหนึ่งที่ยึดมั่นคือคุณภาพของวัตถุดิบ
อย่างเมนูแรกที่คิดสูตรเป็นปีเพราะทำออกมาแล้วไม่โอเค จนคุณแม่เอาเนยจากต่างประเทศมาให้ทำขนมจึงได้รสชาติที่ถูกใจ ได้สูตรที่ดีเแล้วจึงทำขาย
จะเห็นว่า After You ก็ไม่มั่นใจหลายอย่าง ทั้งการทดลองตลาด คิดราคาขายต่างก็อาศัยการลองผิดลองถูกทั้งนั้น
แต่ไม่ได้เอาสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวตั้ง มุ่งพัฒนามาเรื่อยๆ จนตอนนี้เจ้าของสามารถนำพา After You เข้าสู่ตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อย รายได้บริษัท 881 ล้านบาท กำไร 147 ล้านบาท
ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทยที่น่าภูมิใจ และน่านำมาเป็นโมเดลสร้างแรงบันดาลใจได้ดีครับ
#ไปให้ถึง100ล้าน