ทุกคืนกับการนอนไม่หลับ เสียงเตือนยอดหนี้ให้ชำระรุมเร้า แต่เงินในบัญชีไม่พอ คุณเองก็คงเคยรู้สึกเช่นเดียวกับ Angela Sakala ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตกว่า 560,000 บาท และใช้ชีวิตแบบรอเงินเดือนออกแต่ละครั้งด้วยความทุกข์ใจ
เมื่อเธอลองนั่งทบทวนสเตทเม้นท์ย้อนหลัง 3 เดือน เธอถึงกับช็อกเมื่อพบว่า 40% ของเงินเดือนหมดไปกับการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาจัดการปัญหาการเงินของตัวเองอย่างจริงจัง
งานวิจัยจาก Financial Conduct Authority พบว่าชาวอังกฤษกว่า 27% มีปัญหาหนี้สินล้นตัว โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี และการใช้จ่ายที่เกินตัว ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ของ แองเจลา ที่ทำงานด้านการเงินแต่กลับจัดการเงินของตัวเองไม่ได้
หลังจากพบปัญหาที่แท้จริง แองเจลาได้ทำการศึกษาเทคนิคการบริหารเงิน ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ จนเธอค้นพบวิธีสำหรับตัวเอง นั่นคือ วิธี 20/20/10 ที่ช่วยให้เธอใช้หนี้ไปได้มากถึง 308,525 บาทในเวลาเพียง 1 ปี และยังสามารถเก็บเงินได้อีก 105,000 บาท ด้วยวิธีการดังนี้
1. แบ่งเงินเป็น 4 กลุ่ม ทำให้รู้ว่าใช้อะไรมากเกินไป เมื่อเห็นตัวเลขชัดเจน การตัดสินใจจะง่ายขึ้น
แองเจลาแบ่งเงินออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายจำเป็น, เงินสำหรับชำระหนี้, เงินออม และค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น เมื่อพบว่า 40% ของเงินหมดไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เธอจึงเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งเหล่านั้นมีความสำคัญกับชีวิตมากแค่ไหน? เมื่อคำตอบชัดเจน เธอจึงตัดสินใจลดรายจ่ายลง และแบ่งเงินตามสัดส่วน 20% สำหรับชำระหนี้, 20% สำหรับเก็บออม และ 10% สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ที่เหลือก็เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน
2. ใช้วิธี “Cash Stuffing” ควบคุมค่าใช้จ่าย เงินสดทำให้เห็นมูลค่าชัดเจน รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทันที
แม้จะทำงานด้านการเงิน แต่ปัญหาใหญ่ของแองเจลาคือการกดซื้อของออนไลน์แบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่เธอรู้สึกเบื่อหรือเหนื่อย เธอจึงเปลี่ยนมาใช้วิธี Cash Stuffing หรือการแบ่งเงินสดใส่ซองตามหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย และตั้งกฎสำหรับตัวเองว่าหากอยากซื้ออะไร ต้องแต่งตัวออกไปซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น ไม่ใช้บัตรเครดิตหรือซื้อออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่พอถึงเวลาที่ต้องออกไปข้างนอก เธอก็มักจะคิดได้ว่าสิ่งนั้นไม่จำเป็นจริงๆ
3. ท้าทายตัวเองด้วยวิธีเก็บเงินหลากหลายรูปแบบ เริ่มง่ายๆ ค่อยๆ สร้างนิสัยการออม แล้วค่อยเพิ่มความท้าทาย
แองเจลาเริ่มจากการท้าทายตัวเองด้วย “Penny Saving Challenge” โดยวันแรกออม 1 เพนนี วันที่สองออม 2 เพนนี วันที่สามออม 3 เพนนี และเพิ่มขึ้นทุกวัน และเมื่อทำได้สักพัก เธอก็เพิ่มความท้าทายด้วย “Fiver Friday” คือเก็บเงิน 5 ปอนด์ (ประมาณ 175 บาท) ทุกวันศุกร์ การท้าทายเหล่านี้ช่วยสร้างวินัยทางการเงิน และทำให้เธอมีความสม่ำเสมอในการออมเงิน
4. เปิดเผยเรื่องการเงินกับคนรอบข้าง ยิ่งพูดเรื่องหนี้สิน ยิ่งลดแรงกดดันในการใช้จ่ายตามคนอื่น
หลังจากผ่านไป 6 เดือน เมื่อแองเจลารู้สึกว่าเธอควบคุมการเงินของตัวเองได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้กับครอบครัวและเพื่อนๆ แม้จะรู้สึกกลัวที่จะถูกตัดสินว่าไม่ฉลาดในการจัดการเงิน แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ทุกคนเข้าใจและสนับสนุนเธอ ทำให้การปฏิเสธคำชวนไปทานอาหารราคาแพงหรือกิจกรรมที่ต้องใช้เงินเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะเธอสามารถเสนอทางเลือกอื่นที่ประหยัดกว่าได้อย่างสบายใจ
5. ขายของที่ไม่จำเป็น หารายได้เสริม ลดความรกในบ้าน เพิ่มเงินในกระเป๋า
แองเจลาเริ่มสำรวจของในบ้านที่ไม่ได้ใช้ และนำไปขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Vinted สร้างรายได้เสริมที่นำไปชำระหนี้หรือเก็บออมต่อไป นอกจากนี้ เธอยังรับงานเป็น Mystery Shopper หรือนักช้อปปิ้งปริศนา ที่รับงานประเมินร้านค้าในท้องถิ่นตามเส้นทางที่เธอต้องไปอยู่แล้ว ทำให้ได้รายได้เพิ่มโดยไม่ต้องเสียเวลาเพิ่ม
สำหรับคนที่กำลังพยายามปลดหนี้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน Philly Ponniah แนะนำเพิ่มเติมว่า ควรเริ่มชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อน และพิจารณาโอนหนี้ไปยังบัตรที่มีดอกเบี้ย 0% เพื่อลดภาระดอกเบี้ย รวมถึงควรลบข้อมูลบัตรเครดิตที่บันทึกไว้ในแอปช้อปปิ้งต่างๆ เพื่อสร้าง “pain point” ให้ตัวเอง การต้องลุกขึ้นไปหยิบบัตรมากรอกข้อมูลใหม่ทุกครั้งจะช่วยลดการช้อปปิ้งแบบไม่ยั้งลงได้มาก
วันนี้แองเจลากำลังเดินหน้าตามแผนการปลดหนี้ที่คาดว่าจะสำเร็จในเดือนกรกฎาคม 2025 พร้อมกับมีเงินออมกว่า 105,000 บาท ความสำเร็จของเธอไม่ได้มาจากการมีเงินเดือนมหาศาล แต่มาจากการเข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง และกล้าที่จะออกจากความเป็นตัวเองแบบเดิมๆ
อ้างอิง https://bit.ly/3Eiadoz