คุณใช้อะไรเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตให้กับตัวคุณเอง คำตอบของหลายคนคือภาระหน้าที่ หรือหนี้สินที่เป็นแรงผลักดันชั้นดี บางคนยังมีครอบครัวซัพพอร์ท แต่บางคนก็ต้องพยายามให้มากให้ชีวิตดีขึ้นด้วยตัวเอง การที่เราจะทำให้ชีวิตดีขึ้นด้วยตัวเองก็ต้องอาศัยแรงผลักดันที่มากขึ้นในทุก ๆ ปีที่เติบโต เคยรู้สึกไหมว่าเราเจอภาวะเหนื่อยล้ากับการถีบตัวเอง เคยท้อไหม? ว่าเมื่อไหร่จะไปถึงยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้ ยังไม่นับรวมอุปสรรคระหว่างทางที่พลอยจะฉุดรั้งให้ไปต่อไม่ไหว ไม่รู้จะแก้ไขยังไงมันเหมือนเป็นอาการของคนหมดไฟ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ มันคืออาการของคน “ใช้กำลังตัวเองใช้แรงผลักดันภายในมากเกินไปและไร้แรงผลักดันจากภายนอก” ต่างหาก บางครั้งเราก็แค่ต้องการตัวช่วย ที่ทำให้ก้าวไปได้ไวขึ้นหรือเหนื่อยน้อยลงในทุกก้าวที่เราเดิน ความสุขในชีวิตไม่ใช่แค่การทำเพื่อเงินเสมอไปแต่อาจเป็นการทำสิ่งที่มีความหมายและการมีแรงเสริมเพื่อให้ชีวิตก้าวไปยังเป้าหมายได้ในทุกวัน งานวิจัยชิ้นนึงได้ทำวิจัยหาความสุขของคนสองกลุ่มที่แตกต่างกันมาก กลุ่มนึงคือใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป และ กลุ่มนึงคือใช้ชีวิตแบบบ้างานสุด ๆ ประเด็นงานวิจัยชิ้นนี้คือหาว่าทำไมคนสองกลุ่มนี้ถึงมีความสุขได้เหมือน ๆ กันทั้ง ๆ ที่ชีวิตแตกต่างกันมาก ผลการวิจัยที่ได้น่าสนใจมากคือทั้งสองกลุ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เพราะเราทำการกระทำที่มีความหมายในทุกๆวันไงละ” นั่นหมายถึงว่าไม่ว่าคุณจะถูกมองว่า คุณใช้ชีวิตธรรมดาเพื่อเงินเดือนที่มากขึ้น บ้านที่ใหญ่ขึ้น รายรับที่เพิ่มขึ้น หรือทำงานเป็นบ้าเป็นหลังแค่เพียงอยากได้ประสบการณ์ แค่เพียงท้าทายขีดความสามารถของตัวเอง หรือเพื่อความสำเร็จที่ดูจับต้องไม่ได้ สิ่งเหล่านั้น คือเป้าหมายของคุณที่แตกต่างกันออกไป ลองมองย้อนกลับไปจากจุดที่เดินมา ในระหว่างทางที่เราเหนื่อย เราท้อ หรือแม้แต่วันที่เราล้มเหลวไป อะไรที่ทำให้เรากลับมาสู่จุดเดิม หรือดีกว่าเดิม? อะไรที่เป็นแรงผลักที่ทำให้เราฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง? เงิน เพื่อน กำลังใจ คนที่อยู่เคียงข้าง หรือแม้แต่คำสบประมาท นี่แหละคือคำตอบที่ว่าบนหนทางสู่จุดหมาย แรงกายที่ลงไป แรงใจที่ถดถอย เราต้องการแรงเสริมที่ทำให้เราเดินหน้าสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นแบบไหนก็ตาม จุดแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้วคุณควรหาแรงผลักภายในและแรงผลักภายนอก เพื่อทำให้ชีวิตเดินต่อไป จะเป็นแค่ก้าวเล็กๆ ...