เก่งทุกภาษาภายใน 6 เดือน!

“ทุกคนสามารถเรียนภาษาให้เก่งได้ภายใน 6 เดือน” – Chris Lonsdale
.
– การเรียนภาษาที่สอง (หรือภาษาที่สาม) สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเวลาจะเรียนภาษาแต่ละทีต้องใช้เวลามาก
.
– “เราจะเรียนรู้ให้เร็วขึ้นได้อย่างไร?” คำถามนี้ติดอยู่ในหัวตลอดเวลาของ Chris Lonsdale เช่นกัน 
.
– Chris Lonsdale เป็นนักจิตวิทยา นักภาษาศาสตร์ และนักวิชาการศึกษาชาวนิวซีแลนด์ เขาจบจาก University of Canterbury มีผลงานคือเป็นผู้คิดค้นระบบการเรียนภาษาอังกฤษแบบกังฟู (the Kungfu English system) และเป็นผู้เขียนหนังสือ The Third Ear เขาสามารถพูดภาษาจีนและฝรั่งเศสได้อีกด้วย 
.
– ในส่วนของการเรียนรู้เรื่องภาษา เขาใช้เวลากว่าค่อนชีวิต ค้นหาวิธีที่จะทำให้มนุษย์เราเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น (to accelerate learning) 
.
– เขาได้ค้นพบหลากหลายวิธีและได้จัดเรียงใหม่แบ่งเป็น 7 วิธีการ คือ 
.
วิธี 1: ฝึกฟังให้เป็นกิจวัตร (Brainsoaking)

ทักษะแรกสุดที่เราจะได้ในการเรียนภาษาคือ listening และถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้เลย เราเรียกวิธีการนี้ว่า ‘Brainsoaking’ (สาดความรู้เข้าสมอง) คือการที่เราฟังเนื้อหาในภาษาที่เรากำลังเรียนให้เยอะที่สุด (ไม่ว่าจะเป็นการฟัง podcast, ดูยูทูป, ฟังวิทยุ ฯลฯ) ไม่สำคัญว่าเราจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ฟังไม่ออกไม่เป็นไร ให้เราโฟกัสที่จังหวะ น้ำเสียง รูปแบบของภาษานั้น ๆ แทน 
.
วิธี 2: เข้าใจความหมายก่อนเข้าใจภาษา (body language, comprehensible input)
.
ใช้ภาษามืออย่างเต็มที่ คือวิธีที่เราจะเข้าใจความหมายได้ก่อนเข้าใจภาษา ในเราเริ่มสังเกตและให้ความสำคัญกับท่าทางต่าง ๆ เหล่านี้ เพราะมนุษย์ใช้ body language ในการสื่อสารมากพอ ๆ กับคำพูด และ body language ก็ถือว่าเป็น comprehensible input อีกอย่างเช่นกันนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราเข้าใจได้แม้จะไม่รู้จักคำศัพท์ในภาษาพูดนั้น ๆ 
อีกวิธีคือการจดจำรูปแบบ (pattern) ของภาษา ซึ่งจะช่วยให้เราทำความเข้าใจกับภาษาที่ใกล้เคียงกันได้ง่ายมากขึ้น
.
วิธี 3: เริ่มผสมปนเป (Start mixing!)
.
เราอาจจะไม่รู้ว่าแค่เพียงเรารู้จักคำนาม 10 คำ กริยา 10 คำ และคำคุณศัพท์ (adjective) อีก 10 คำ เราก็สามารถแต่งประโยคได้กว่าพันประโยคแล้ว ดังนั้นเราก็เริ่มฝึกแต่งประโยคได้แล้ว สร้างสรรค์ ๆ หน่อย ไม่ต้องแต่งออกมาให้มันสมบูรณ์แบบหรือมีความหมายที่สวยงาม ขอแค่เราได้ฝึกทำ จะแต่งประโยคแบบไหนก็ได้
.
วิธี 4: โฟกัสที่หัวใจภาษา
.
ในภาษาอังกฤษหากเรารู้จักเพียง 1000 คำ เราก็สามารถเข้าใจ 85% ของคำพูดในชีวิตประจำวันแล้ว และถ้าเรารู้จัก 3000 คำ (Oxford 3000 Key Words) นั้นก็แปลว่าเราเข้าใจไป 98 % แล้ว 
.
วิธี 5: หา language parent
.
เรียนภาษาตามแผน Tool box ของเรา ให้เราหา language parent คล้าย ๆ กับเพื่อนฝึกภาษานั่นแหละครับ ลองสังเกตเวลาที่เด็กและพ่อแม่สื่อสารกัน ตอนแรกเด็กสื่อสารโดยนำเอาคำศัพท์มารวมกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงกฎของภาษาใด ๆ ทั้งสิ้น บางทีก็ใช้คำธรรมดาทั่วไป และบางทีเด็กมักจะออกเสียงแปลก ๆ ที่คนอื่นไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่ก็สามารถเข้าใจได้ เมื่อเป็นดังนี้เด็กจึงมี ‘safe environment’ (สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้) และมีความมั่นใจในการใช้ภาษาโดยไม่สนว่าจะผิดหรือไม่ 
.
วิธี 6: เลียนแบบหน้าตา รูปปาก
.
ให้เราสังเกตรูปปากของเจ้าของภาษาเวลาเขาพูด และพยายามออกเสียงนั้น ๆ โดยทำรูปปากให้เหมือนกับเขา อาจต้องใช้เวลาฝึกครับ บางทีเราก็อาจจะลองปิดเสียงวีดีโอ และนั่งดูปากเขาเฉย ๆ ก็ได้นะ อาจฟังดูแปลก ๆ แต่มันช่วยในเรื่องของการจดจำรูปปากเวลาออกเสียงจริง ๆ 
.
วิธี 7: Direct connect 
.
เปลี่ยนความหมายให้เป็นรูปภาพ
หลายคนมักจะจำคำศัพท์โดยการเขียนซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ และก็ท่องวน ๆ ไป ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอเข้าใจคอนเซปต์ของการเปลี่ยนความหมายให้เป็นรูปภาพอยู่ ต่อไปเวลาที่เราอยากจำศัพท์ได้แม่น ๆ ก็ลองหารูปภาพให้มันด้วย 
.
.
TED Talk : https://www.youtube.com/watch?v=d0yGdNEWdn0
.
Source: 

-How to learn any language in six months – Chris Lonsdale – TEDxLingnanUniversity
– https://pantip.com/topic/36896972
.
#TEDTOP #TEDTalk #สรุปประเด็นเด่นจากTEDTalk