“ความรวยไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” ประโยคคลาสสิคที่ได้ยินตั้งแต่เด็ก ยันวัยทำงาน แต่ถึงยังไงก็มีหลายคนยังทำไม่ได้ซักที ในความเป็นจริง หากพูดถึงวิธีหาเงิน ต้องทำยังไงถึงจะได้เงิน? คำถามนี้ง่าย มีหลากหลายอาชีพที่ทำเงินได้ และหลายคนรู้กันอยู่แล้ว ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เงินมา ส่วนที่ยากกว่านั้นคือ เมื่อเริ่มมี “เงินเก็บ” แล้ว จะเอาไปทำอะไรก่อนดี ลงทุนในประเภทไหนดี มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อเริ่มมีเงินก้อน ก็จะเก็บเอาไว้เฉยๆ ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเอาไปทำอะไรต่อดี คำถามนี้ต้องหาคำตอบให้ได้ เพราะเมื่อตอบคำถามนี้ได้ โอกาสที่จะเข้าสู่ทั้งอิสรภาพทางการเงินและความร่ำรวยก็มีมากขึ้นเท่านั้น การหาคำตอบที่ถูกต้องนั้นต้องอยู่ให้ถูกฝั่ง คิดให้ถูกด้าน ฝั่งที่ควรอยู่คือการวางแนวคิดแบบคนรวย ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก “คนทั่วไป” โดยต้องปรับวิธีคิดให้ได้ดังนี้
คนทั่วไปเก็บเงินในบัญชีดูแค่ “ตัวเลขปัจจุบัน” คนรวยเอาเงินไปเก็บที่อื่นเพื่อ ต่อยอด และคาดการณ์ไปถึง “ตัวเลขในอนาคต”
คนทั่วไปเมื่อเริ่มมีเงินเก็บ ส่วนใหญ่มักจะเก็บไว้เฉยๆ เพื่อชื่มชมดูเพียงตัวเลขที่มีในตอนนี้ เช่นทำงานผ่านมา 1-2 ปีแรก เก็บเงินได้ 150,000 ในบัญชี เมื่อมีเงินแล้วก็เอาบัญชีมานั่งเปิดดูชื่นชมทุกวัน ว่าฉันมีเงินเก็บเป็นแสนแล้วนะ มองดูแค่ตัวเลขที่มีในปัจจุบัน แต่ไม่มองตัวเลขในอนาคต ที่เงินก้อนนี้สามารถทำได้ หากลองมองย้อนดูประวัติของคนที่เป็นเศรษฐีหลายคน จะมีส่วนที่คล้ายๆกันคือ เริ่มต้นจากการลงทุนตั้งแต่เงินน้อยๆ เมื่อมีเงินเก็บก็จะส่งเงินเหล่านี้ออกไปอีก เพื่อให้เงินช่วยทำงาน หมายความว่า มองหาช่องทางการเก็บเงินที่มีโอกาสเติบโตต่อในอนาคต “ไม่สนแค่ตัวเลขในปัจจุบัน เล็งไปที่ตัวเลขในอนาคตแทน” ว่ามันจะสามารถโตได้อีกเท่าไร ซึ่งการมองตัวเลขไปถึงในอนาคตนั้น จะเป็นการคิดแบบเปิดช่องทางเพื่อหาโอกาสในการต่อยอดของเงินเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้นได้
คนทั่วไปคิดว่าการลงทุน ต้องมีเงินมากๆก่อน คนรวยรู้ตั้งแต่แรกว่า “ควรเริ่มตั้งแต่ตอนมีเงินน้อยๆ ” เพราะบริหารง่ายกว่า และเป็นการฝึกไปในตัว
การเริ่มต้นลงทุนนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเยอะๆ เหมือนในยุคแต่ก่อนอีกต่อไป คุณสามารถเริ่มต้นการลงทุนได้ตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงาน ใช้เงินเพียง “หลักร้อยบาท” ก็เริ่มต้นการลงทุนได้ทันที การฝึกมองตั้งแต่เงินจำนวนน้อยๆ จะช่วยพัฒนาทักษะการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น เมื่อไรที่ต้องเริ่มต้นลงทุนธรรมชาติของมนุษย์ในช่วงแรกนั้น มักมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ จนบางครั้งก็บังโอกาสดีๆ ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้เลย แต่ผู้ที่เริ่มต้นฝึกมองการลงทุนตั้งแต่หลักร้อยหลักพัน เมื่อมีเงินต้นขยับขึ้นมาเป็นหลักหมื่น หลักแสน ก็สามารถจัดการได้ทันที เพราะมีความคุ้นเคยในเรื่องการลงทุน และยิ่งเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย มีระยะเวลาในการลงทุนที่ยาวกว่า ทำให้จำนวนเงินลงทุนจะน้อยกว่าคนที่เริ่มต้นลงทุนเมื่ออายุเยอะขึ้น ยิ่งลงทุนช้ายิ่งต้องเพิ่มเงินลงทุนมากขึ้น เพื่อไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ ถึงจะมีเงินน้อย แต่ถ้าเริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้ โอกาสรับผลตอบแทนจะยิ่งเพิ่มขึ้น จนเข้าสู่ความร่ำรวยได้จริงในที่สุด
คนทั่วไปเริ่มต้นการลงทุนตามคนอื่น คนรวยรู้ว่า “บันไดก้าวแรก” ควรไปเริ่มที่ “การลงทุน LTF/RMF”
ก้าวแรกของโลกแห่งการลงทุน ควรเริ่มต้นจากการทำฐานให้แน่นก่อน ทุกคนที่ทำงานได้เงินล้วนต้องจ่ายภาษี การเริ่มต้นการลงทุนจึงควรเลือกรูปแบบที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ก่อน เพื่อใช้เงินจากที่ต้องเสียภาษีมาเปลี่ยนให้เป็นเงินลงทุนแทนเหมือนมีคนช่วยออกเงินค่าลงทุนให้ด้วย ดังนั้น อยากให้ไปมองที่ “การลงทุนใน LTF และ RMF” ก่อน เพราะมีประโยชน์มากมายดังนี้
- ได้ลดหย่อนภาษี แทนที่จะเอาเงินที่ต้องเสียภาษีทั้งหมดไปเสียเปล่า สามารถนำยอดซื้อกองทุนไปลดหย่อนภาษี ส่วนเงินลงทุนก็งอกงามเกิดเป็นผลประโยชน์ตอบแทนกลับคืนมาให้ตัวเองได้
- มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี เพราะมีมืออาชีพคอยดูแลให้
- ได้เงินปันผลด้วย (เฉพาะบางกองทุนที่มีนโยบายปันผลเท่านั้น)
- เป็นการวางรากฐานของวินัยการออมเพื่อให้มีเงินใช้ตอนเกษียณ
- เป็นการวางหลักพื้นฐานทางแนวคิดที่จะช่วยให้ต่อยอดการลงทุนแบบอื่นๆได้อย่างเข้าใจมากขึ้น
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ประโยชน์ของการซื้อ LTF , RMF ช่วยประหยัดเงินได้หลักหมื่นตั้งแต่ตอนลงทุนซื้อครั้งแรก
- นาย A มีรายได้ 1,000,000 บาทต่อปี เมื่อนำมาเปรียบเทียบการเสียภาษีเงินได้ จะพบว่าหากลงทุน LTF , RMF จำนวน 300,000 บาทแล้ว จะประหยัดเงินที่จ่ายภาษีได้มากถึง 47,800 บาท และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มอีก จากผลการดำเนินงานของกองทุน
ไม่ได้ซื้อ LTF , RMF |
ซื้อ LTF และ RMF |
|
รายได้ต่อปี | 1,000,000 | 1,000,000 |
หักค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล | 100,000 | 100,000 |
คงเหลือ | 900,000 | 900,000 |
รายการลดหย่อนภาษี | ||
ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล | 60,000 | 60,000 |
ประกันสังคม | 9,000 | 9,000 |
เงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัท | 10,000 | 10,000 |
*ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศ | 15,000 | 15,000 |
ซื้อ LTF | 150,000 | |
ซื้อ RMF | 150,000 | |
รวมรายการลดหย่อนภาษี | 94,000 | 394,000 |
รวมเงินได้สุทธิ | 806,000 | 506,000 |
ฐานภาษีสูงสุด | 20% | 15% |
จำนวนภาษีที่ต้องจ่าย | 76,200 | 28,400 |
หรือลองคำนวณภาษีของคุณได้ที่ https://www.kasikornasset.com/Pages/CalTax/CalTax.aspx
อยากเริ่มต้นลงทุนวันนี้ เลือก บลจ.กสิกรไทย กับกองทุน KDLTF กองทุนปันผลสูงสุดของกสิกรไทยพร้อมประวัติจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปี และ KEQRMF กองทุนยอดนิยมสูงสุด เริ่มต้นลงทุนได้ตั้งแต่ 500 บาท
จุดเด่นของกองทุน KDLTF คือจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และเป็นกองทุนปันผลสูงสุดของกสิกรไทย และ KEQRMF สามารถทำผลตอบแทนติดอันดับ 1 ใน 10 ย้อนหลัง 3 ปี และ 5 ปี จาก Morningstar ณ 31 ต.ค.61 และเป็น
กองทุนยอดนิยมสูงสุดของกสิกรไทยอีกด้วย โดยสามารถแบ่งจุดเด่นของทั้ง 2 กองทุนได้ดังนี้
KDLTF กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล
- คัดเลือกทุกการลงทุน ด้วย “หุ้นปัจจัยพื้นฐานดี” มีความมั่นคงสูง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
- พร้อมกระจายการลงทุน ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด
- จ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุนขึ้นมา เป็นจำนวนทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.83 บาทต่อหน่วย
- ปัจจุบันกองทุนมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (Dividend Yield) ที่ระดับ 8.19% ต่อปี (ข้อมูลจาก Morningstar 31 ต.ค. 2561)
นอกจากนี้ยังมีกองทุน LTF ที่จ่ายปันผลอีกหลายกองให้เลือก ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kasikornasset.com/Pages/ALL-LTF.html
KEQRMF กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ
- คัดเลือกทุกการลงทุนด้วยในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง เป็นผู้นำในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมและผลการดำเนินงานโดดเด่น สามารถสร้างกำไรอย่างสม่ำเสมอ
- กระจายการลงทุนหลายกลุ่ม หลายอุตสาหกรรมเพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด และมีกระจายการลงทุนบางส่วนในต่างประเทศ
- สามารถทำผลตอบแทนติดอันดับ Quartile ที่ 1 และ 2 อย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาการลงทุน 5 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (เปรียบเทียบจากกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยทั้งหมดในอุตสาหกรรม 48 กองทุน) ข้อมูลจาก Morningstar ณ 30 ก.ย.61
สนใจกองทุนสามารถซื้อได้แล้วซื้อได้ง่ายผ่าน K PLUS, K-My Funds และที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
เริ่มต้นการลงทุนด้วยขั้นต่ำเพียง 500 บาท ก็สามารถซื้อได้ทันที ข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2EfPArJ
พิเศษ! รับ Starbucks e-Coupon สูงสุด 200 บาท เมื่อซื้อกลุ่มกองทุน LTF และ/หรือ RMF ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds เป็นครั้งแรก
- ลงทุนสะสมสุทธิ 50,000-99,999 บาท รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท
- ลงทุนสะสมสุทธิ 100,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท
ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-28 ธ.ค. 61 เงื่อนไขเพิ่มเติมเป็นไปตามที่ บลจ.กสิกรไทย กำหนด
คำเตือน
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี