“วันนี้กินอะไรดี” Wongnai POS ตัวช่วยรวบยอดธุรกิจร้านอาหารของวงใน

เวลาผ่านไปเหมือนไม่นาน  แต่แอปพลิเคชั่นแก้ปัญหา “วันนี้กินอะไรดี” อย่าง “Wongnai (วงใน)” ก็มีอายุครบ 8 ปีแล้ว  เพราะก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2010 จาการการเป็นแอปฯร้านอาหาร  จนได้ขยายตัวเองออกมาให้มีครอบคลุมทั้ง Beauty, Cooking, Travel  ซึ่งล่าสุดคือการซื้อกิจการข่าวธุรกิจและการตลาดอย่าง Brandinside และ Blognon เว็บไซต์ข่าวไอทีให้เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน

แต่สิ่งที่เราสนใจนอกจากการขยายตัวเองไปเล่นในหลายๆ เรื่องนอกเหนือจากอาหาร  นั้นคือการฉีกตัวเองอีกครั้งด้วยการทำ POS หรือ Point of Sale System โดยระบบ POS นั้นพัฒนามาจากเครื่องคิดเงินทั่วๆ ไปที่มีบอกเฉพาะยอดขาย แต่ถูกพัฒนาด้วยการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติมจนใช้งานได้อย่างหลากหลาย  และ POS ที่เราเห็นบ่อยๆ มักอยู่บริเวณแคชเชียร์ในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร

สิ่งที่ Wongnai ทำคือการเข้าไปติดตั้งเครื่อง POS ตามร้านอาหารในเครือ  โดยต่างจากการทำธุรกิจก่อนหน้านี้ เพราะวงในเคยอยู่เพียงแค่ฝั่งผู้บริโภคมาตลอดการทำธุรกิจ 7 ปีที่ผ่านมา  จากการเป็นแพลตฟอร์มให้คนเข้ามาเขียนคอนเทนต์รีวิว แต่ตอนนี้ได้ผันตัวมามาอยู่ด้านเดียวกับฝั่งเจ้าของธุรกิจร้านอาหารด้วย

ความพิเศษคือการเข้าไปลงทุนใน Startup จัดการร้านอาหารที่ชื่อว่า “Food Story” ทั้งด้าน Hardware และ Software เกี่ยวกับ POS  โดยลงทุนไปมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนเกิดมาเป็น “Wongnai POS by Foodstory”

โดยหัวใจหลักๆ ที่ระบบของ POS มอบให้คือ

  1. ร้านค้าเชื่อมกับ Wongnai ได้แบบเรียลไทม์  ทำให้ร้านค้าไม่ต้องโทรหาฝ่ายสนับสนุนของ Wongnai ไม่ว่าจะขยายสาขาใหม่  มีโปรโมชั่นใหม่ หรือมีสินค้าใหม่ๆ ทำให้ผู้ใช้งานที่เชื่อมต่อกับวงในอยู่ 8 ล้านคนสามารถเห็นข้อมูลของร้านได้เลย  เพราะเป็นการเชื่อมต่อกับ Data-Base และอัปเดตลงในแอปพลิเคชั่นลงของ Wongnai ได้แบบโดยตรง
  2. ประสบการณ์เดลิเวอรี่ไม่มีสะดุด  เพราะในบริการเดลิเวอรี่ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดดุเด็ดเผ็ดมันในช่วงนี้  ยังมีบางช่วงที่ไม่ลื่นไหลอยู่ เพราะจากเดิมที่ LINE MAN ต้องรับออร์เดอร์แล้วเดินทางไปถึงร้านอาหาน  ก็อาจจะพบว่าเมนูหมด หรือวันนี้ร้านปิด ซึ่งมีสถิติว่าการสั่งเดลิเวอรี่หนึ่งครั้งนั้นต้องมีการโทรกลับไปกลับมาประมาณ 5-7 ครั้ง  จนทำให้รู้สึกว่าประสบการณ์ของการสั่งเดลิเวอรี่นั้นแย่ลง แต่การใช้ Wongnai POS จะทำให้เป็นเดลิเวอรี่ของแท้ เพราะตัว LINE MAN ไม่ต้องนั่งอ่านออร์เดอร์ ลดความผิดพลาด
  3. Cashless Socity เป็นสังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง  โดยปกติพอเราไปที่ร้านอาหารแล้วใช้เจ้าเครื่อง POS ทั่วไปที่ใช้คิดเงิน รับออร์เดอร์  ก็จะมีตัวลูกที่เป็น Table ให้พนักงานรับออร์เดอร์ของลูกค้า เรียกได้ว่าเป็นสังคมไร้กระดาษเลย  และเมื่อทานเสร็จให้พนักงานยื่น Tablet ที่มี QR Code เพื่อโอน แต่ POS ของ Wongnai นั้นแตกต่างจากของเจ้าอื่น  เพราะมีการจับมือกันกับ SCB เพื่อออกโค้ดที่สามารถบอกจำนวนเงินออกมาได้เลย โดยเป็นจำนวนเงินเฉพาะเจาะจงของโต๊ะนั้นนั่นเอง  เรียกว่าเป็น Dinamic QR Payment หรือ QR Code ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยอดบิล นั่นคือมีข้อดีคือลดความผิดพลาดได้

ถ้าถามว่ามีค่าใช้จ่ายไหมก็ต้อองตอบว่า Wongnai ให้ใช้ฟรี  เพราะกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อสร้าง Eco-system ที่น่าสนใจในร้านอาหารต่างๆ เพราะมีร้านค้าใน Eco-system ของ Wongnai ประมาณ 200,000 กว่าร้านเลยทีเดียว  และเป็นการเชื่อมต่อตั้งแต่ผู้ผลิต ร้านค้า ไปจนผู้บริโภคด้วย

การเล่นเรื่อง POS ของ Wongnai ในครั้งนี้ทำให้เราเห็นภาพการไม่อยู่นิ่งของธุรกิจ  

เพราะไม่ว่าจะทำธุรกิจไหนก็ตาม คุณจะต้อง Tranfrom ตัวเองตลอด เพื่อปรับตัวไปจากตลาดที่ตัวเองชำนาญบ้าง  เพราะถึงจะเชี่ยวตลาดนั้นมากแค่ไหน แต่วันหนึ่งก็อาจจะอิ่มตัวลงไปได้ และเป็นการออกจาก Online ไปสู่ Offline ที่วงในทำได้ดีเลย

เรียกได้ว่าเป็นอีกความชาญฉลาดของวงใน  แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะการใช้ POS นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย  เพราะยังมีโอกาสที่ระบบจะล่ม และทำให้การดำเนินการของร้านหยุดชะงักได้หากดำเนินธุรกิจด้วย POS กันจนชิน  เพราะเหล่าพนักงานที่จะคุ้นเคยกับการทำงานด้วย POS อาจทำอะไรไม่ถูกถ้าไม่ได้ฝึกรับมือมาก่อน

ถ้าคุณผู้อ่านอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและสนใจอยากลองเจ้า POS เหมือนกับ Wongnai บ้าง  เราก็รวบรวม POS จากหลายๆ เจ้าที่น่าสนใจมาให้ลองเลือกกันดู

  • www.intsoftware.co.th
  • www.niceloop.com
  • www.afourleaf.com
  • www.primematrix.co.th

อ้างอิง:

https://brandinside.asia/podcast/01-wongnai-pos/