กรุงเทพเป็นอันดับ 1 ที่ทุกอย่างเหมาะสมกับการเข้ามาทำสตาร์ทอัพมากที่สุดในเอเชีย

เชื่อหรือไม่ว่า กรุงเทพ เป็นอันดับ 1 ของเมืองที่เหมาะสมต่อการทำสตาร์ทอัพมากที่สุดในเอเชีย

กรุงเทพเนี่ยนะ?!

บางคนอาจสงสัยว่าจริงรึเปล่า… เมืองที่เต็มไปด้วยปัญหา เศรษฐกิจก็ฝืดเคืองการเมืองก็วุ่นวาย ทำไมถึงได้เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการทำสตาร์ทอัพมากที่สุด???

แต่จากการจัดอันดับของ PeopleHour ในปี 2017 พบว่าบ้านเรานี่แหละที่เป็นเมืองที่น่าเหมาะสมที่สุด (แต่ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าสตาร์ทอัพเมืองนั้นจะประสบความสำเร็จที่สุดนะ)

ว่าแต่เหตุผลที่กรุงเทพเป็นเมืองที่น่าทำงานของสตาร์ทอัพเป็นเพราะอะไรกัน

1. กรุงเทพยังมีค่าครองชีพที่ถูกกว่าเมืองหลวงอื่นในเอเชีย

กลยุทธ์สำคัญของสตาร์ทอัพคือการลดต้นทุนคงที่ให้ต่ำที่สุด ถึงคนไทยเราเองจะมองว่าค่าใช้จ่ายอะไรก็แพงไปหมด แต่ถ้าเทียบกับเมืองหลวงอื่นโดยรอบแล้วกรุงเทพก็ยังถูกกว่านะ

ทำให้สตาร์ทอัพได้ประโยชน์ในการช่าออฟฟิศ เช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน ไปจนถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะค่าครองชีพถูกกว่า

2. จำนวนชนชั้นกลางของประเทศไทยโตขึ้น

คนกลุ่มนี้คือกลุ่มลูกค้าของสตาร์ทอัพ ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ ถึงแม้ว่าปัจจุบันสตาร์ทอัพจะจับตลาดในต่างประเทศได้ไม่ยาก

แต่ถ้าดีมานด์ของตลาดภายในมีมากพอก็เป็นจุดได้เปรียบที่ทำให้สตาร์ทอัพก้าวไปได้อย่างมั่นคง ยกตัวอย่างจีน อินโดนิเซีย อินเดีย ที่มีดีมานขนาดใหญ่ในประเทศรองรับ

3. รัฐบาลไทยมีนโยบายผลักดันสตาร์ทอัพ

รัฐบาลมีการแก้กฎหมายบางข้อเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือสตาร์ทอัพรวมทั้งกลุ่ม SME ด้วย

เพราะกิจการทั้ง 2 นี้คิดเป็น 95 % ของธุรกิจทั้งหมดในไทย จึงมีส่วนสำคัญต่อการ สร้างรายได้ และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาธุรกิจโดยรวม

4. เข้าถึงแหล่งข้อมูลและเงินทุนง่าย

วงการสตาร์ทอัพในไทยมีการจัดอีเวนท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องบ่อยมาก มีทั้งงานสัมมนาที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสตาร์ทอัพ เชิญคนประสบความสำเร็จมาเล่าประสบการณ์

มีทั้งการประกวดสตาร์ทอัพซึ่งถ้าชนะก็ได้เงินรางวัลจากหน่วยงานต่างๆไปเพิ่มทุนต่อไป


เป็นที่น่ายินดีเหมือนกันนะที่ได้ยินว่ากรุงเทพฯ ยังมีความพร้อมในการก่อตั้งทำสตาร์ทอัพ ถึงแม้บ้านเราจะมีจุดอ่อนในหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยภายนอกที่เอื้อต่อการก่อตั้งแล้ว ปัจจัยภายในอย่าง แนวคิด วิธีการ กลยุทธ์ และทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง ก็ยังสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าสตาร์ทอัพจะเติบโตไปได้ไกลแค่ไหน

ถึงแม้สภาพแวดล้อมจะเอื้อ แต่ถ้าปัจจัยภายในที่เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ไม่เอื้อก็คงยากที่จะประสบความสำเร็จ



#ไปให้ถึง100ล้าน