นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เปิดเผยว่า ‘แนวโน้มการลงทุนในสตาร์ทอัพของปี 66 นั้นจะคล้ายกับปี 65 คือเน้นสตาร์ทอัพที่สามารถต่อยอดธุรกิจกับทางธนาคารและกลุ่มพันธมิตรที่เป็นนักลงทุนของเรา และมีแผนการสร้างผลกำไรได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว โดยประเภทธุรกิจที่น่าสนใจนั้นจะเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่เติบโตตามเทรนด์ของโลกอย่าง
(1) ในสายของ Decentralized Finance หรือในกลุ่มของ Blockchain อันนี้คือจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
(2) กลุ่มของ Metaverse หลายคนให้ความสนใจว่าต่อไปเราจะไปอยู่ในโลกเสมือนได้อย่างไร และแต่ละแบรนด์จะสามารถเปลี่ยนช่องทางการตลาดไปอยู่ในช่องทาง Metaverse ได้อย่างไรบ้าง
(3) Cyber Security เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะเหตุการณ์การแฮกหรือถูกแฮกในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในเรื่องของกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนั้น Cyber Security จึงสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน
(4) ESG-Tech, Climate Tech, SustainabilityTech กำลังอยู่ในกระแส และเป็นกลุ่มที่มาแรงใกล้เคียงกับ FinTech มากๆ เพราะเป็นกลุ่มที่หลายๆ องค์กร และสถาบันการเงินให้ความสนใจ
(5) Buy Now Pay Later เทรนด์นี้เป็นเทรนด์ทั่วโลก แต่ประเทศไทยไม่ได้ตื่นเต้นกับเทรนด์นี้มากนัก
(6) Ultrafast Delivery ในสหรัฐอเมริการมาแรงมาก สั่งปุ๊บส่งปั๊บภายใน 15 นาที อันนี้เป็นเทรนด์ใหม่’
นายแซม ตันสกุล เสริมต่อว่า “ปัจจุบันในไทยยังถือว่าขาดแคลน Startup ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะ Startup ที่สามารถอยู่รอดได้ถึงช่วง Series A ทาง Krungsri Finnovate จึงวางแผนสนับสนุนสตาร์ทอัพในช่วง Early Stage นี้ให้สามารถเติบโตและอยู่รอดจนสามารถ IPO ได้ โดยจะสนับสนุนทั้งในด้านเงินทุนและการให้คำปรึกษา รวมทั้งมีความต้องการจัดตั้ง Accelerator Program ช่วยบ่มเพาะและติดสปีดสตาร์ทอัพกลุ่มนี้เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ Series A ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้แผนดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างศึกษาดำเนินการและต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะอัปเดตความคืบหน้าอีกครั้งในช่วงต้นปี 66 นี้”“นอกจากนี้การลงทุนในกองทุน Finnoventure Private Equity Trust I และ Finnoverse Fund ก็ยังเดินหน้าต่อไป โดยตั้งเป้ามี Startup ในพอรต์ของกอง Finnoventure ถึง 30 บริษัท พร้อมขยายการลงทุนสู่ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย”นายแซม ตันสกุล ปิดท้าย